คอมฟอร์ททุ่มงบกว่า 120 ล้านบาท เน้นสร้างแบรนด์และรักษาแท่นผู้นำตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่ม เทงบ 30 ล้านบาทจับมือท็อปส์ จัดแคมเปญใหม่ฉีกตลาดเดิม คาดปีนี้ขอแชร์เพิ่ม 2-3% จากเดิมมีแชร์ 35% ของตลาดรวม 3,500 ล้านบาท
นางศันสนีย์ สุภัทรวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผย ปีนี้บริษัททุ่มงบทางการตลาด 120 ล้านบาท ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่และจัดกิจกรรมทางการตลาดในหลายรูปแบบ เพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้แก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นผู้หญิงอายุ 25-45ปี
ล่าสุดบริษัทเปิดตัวแคมเปญใหม่ “คอมฟอร์ทแต่งสวยให้บาร์บี้หอม” โดยใช้กลยุทธ์การทำตลาดแบบใหม่ด้วยการชู “แบรนด์ แอกทิเวชั่น” เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์จริงของความนุ่มหอมของคอมฟอร์ทกลิ่นดอกไม้หอมยามเช้าผ่านการแต่งตัวให้ตุ๊กตาบาร์บี้ โดยแคมเปญนี้ได้ร่วมมือกับท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้งบประมาณ 30 ล้านบาท
ตลาดรวมของผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มปี 2547 มีมูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท โดยผู้นำตลาด คือ คอมฟอร์ท ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 35% หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่ามาร์เก็ตแชร์ของคอมฟอร์ทจะเพิ่มขึ้น 1-2% ขณะที่ตลาดรวมคาดว่าจะโต 15% หรือมีมูลค่าเป็น 4,000 ล้านบาท จากการที่พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลเสื้อผ้ามากขึ้น ดังนั้นจึงหันมาใช้นำยาปรับผ้านุ่มกันเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันครัวเรือนที่ใช้ คิดเป็น 80%
นางศันสนีย์ สุภัทรวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผย ปีนี้บริษัททุ่มงบทางการตลาด 120 ล้านบาท ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่และจัดกิจกรรมทางการตลาดในหลายรูปแบบ เพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้แก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นผู้หญิงอายุ 25-45ปี
ล่าสุดบริษัทเปิดตัวแคมเปญใหม่ “คอมฟอร์ทแต่งสวยให้บาร์บี้หอม” โดยใช้กลยุทธ์การทำตลาดแบบใหม่ด้วยการชู “แบรนด์ แอกทิเวชั่น” เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์จริงของความนุ่มหอมของคอมฟอร์ทกลิ่นดอกไม้หอมยามเช้าผ่านการแต่งตัวให้ตุ๊กตาบาร์บี้ โดยแคมเปญนี้ได้ร่วมมือกับท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้งบประมาณ 30 ล้านบาท
ตลาดรวมของผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มปี 2547 มีมูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท โดยผู้นำตลาด คือ คอมฟอร์ท ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 35% หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่ามาร์เก็ตแชร์ของคอมฟอร์ทจะเพิ่มขึ้น 1-2% ขณะที่ตลาดรวมคาดว่าจะโต 15% หรือมีมูลค่าเป็น 4,000 ล้านบาท จากการที่พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลเสื้อผ้ามากขึ้น ดังนั้นจึงหันมาใช้นำยาปรับผ้านุ่มกันเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันครัวเรือนที่ใช้ คิดเป็น 80%