มติคณะกรรมการทีพีซีสรุป จัดเก็บค่าสมาชิกรายปีบัตรอีลิททุกแพคเกจ 40,000 บาทต่อปี ขณะที่ตัวแทนจำหน่ายปล่อยข่าวลือ แอคทีฟขอถอนตัวจากเป็นผู้แทนจำหน่ายบัตรอีลิท อ้างไม่พอใจ 3 แพคเกจใหม่ เหตุขายยาก อีกทั้งยังลงทุนระบบการขายแบบเก่าไปแล้ว ด้านโชคศิริ เอ็มดีใหญ่อีลิทปฎิเสธสัมพันธ์ร้าวแอคทีฟ ชี้ที่ผ่านมายังเดินสายทำตลาดด้วยกัน
นายโชคศิริ รอดบุญพา กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยแลนด์ พริวิลเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า คณะกรรมการทีพีซี ได้เห็นชอบให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบัตรสมาชิกกับผู้ที่ถือบัตรอีลิท ทั้ง 3 แพคเกจที่ออกใหม่ ในราคาใบละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 40,000 บาท ต่อปี เพื่อต้องการให้ทีพีซีสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และมีผลกำไรมาหล่อเลี้ยงองค์กร ซึ่งการเก็บค่าธรรมเนียมจะถือเป็นรายได้ส่วนหนึ่งของบริษัท โดยหากลูกค้าที่ไม่ค่อยเข้ามาใช้บริการ ทีพีซีก็มีแผนที่จะผ่อนปรนการเก็บค่าธรรมเนียมได้ โดยจะพิจารณาจากข้อมูลของลูกค้าเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวของบริษัทตัวแทนจำหน่ายบัตร ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ว่า ล่าสุด บริษัท แอคทีฟ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ของบัตรอีลิท กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจยกเลิกเป็นตัวแทนจำหน่าย
เนื่องจากติดหลายๆปัญหาที่ไม่ลงตัวกับทีพีซี โดยเฉพาะ เรื่องการจัดแบ่งแพคเกจสมาชิกบัตรเป็น 3 แบบ ซึ่งแอคทีฟเองไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น เพราะมองว่ามีความยุ่งยากในการขาย ต้องเสียเวลาอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ ประกอบกับแอคทีฟได้มีการวางระบบการขายไว้แล้วในต่างประเทศ หากต้องปรับเปลี่ยนก็ต้องทำระบบใหม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
“ตอนนี้บอร์ดของแอคทีฟอยู่ระหว่างการตัดสินใจ 50 ต่อ 50 อยู่ว่าจะทำต่อหรือว่าเลิกขาย เพราะมีปัญหาหลายเรื่องมากที่ยังตกลงกันไม่ได้ โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจะทำให้ลูกค้าหนี เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อบัตรเพื่อเข้ามาลงทุนได้ง่ายไม่ใช่จะมาใช้สปา หรือกอล์ฟ” แหล่งข่าวกล่าว
นายโชคศิริ กล่าวว่า การขอยกเลิกเป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรของบริษัทแอคทีฟ ยังไม่เป็นความจริง ซึ่งขณะนี้ทีพีซีและแอคทีฟ ก็ยังเดินสายทำตลาดร่วมกัน อีกทั้งยังมีการหารือร่วมกันในการวางแผนตลาดต่างประเทศอยู่เสมอ โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ออกโรดโชว์สินค้าร่วมกันที่เกาะฮ่องกง ซึ่งมีผู้สนใจเข้าฟังจำนวนมาก และยังขายบัตรได้อีก 10-20 ใบ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 มิ.ย. 48 ทั้งทีพีซีและแอคทีฟ ยังได้เตรียมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายประจำประเทศเกาหลีร่วมกันด้วย ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าข้อมูลข้างต้นที่แอคทีฟจะถอนตัวนั้นไม่เป็นความจริง
ขณะนี้มีผู้ถือบัตรแล้วกว่า 800 ราย มีความถี่การใช้บริการ 2.5 ครั้งต่อปี โดยจำนวนการใช้เมื่อสิ้นปี 2547 มีประมาณ 14,000 ครั้ง โดย 34% คือการใช้สปา และ 32% คือการต้อนรับที่สนามบิน และ 22% คือการใช้สนามกอล์ฟ สมาชิอกใช้เวลาอยู่ในไทยเฉลี่ย 7-11 วัน ใช้จ่ายเงินช่วงดังล่าวเฉลี่ย 300,000 บาทต่อคนต่อครั้ง โดยตั้งเป้าหมายถึงสิ้นปีนี้เฉพาะบัตรใหม่ที่รีลอนช์ออกมาจะมีผู้ถือบัตร 2,000 ใบ
นายโชคศิริ รอดบุญพา กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยแลนด์ พริวิลเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า คณะกรรมการทีพีซี ได้เห็นชอบให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบัตรสมาชิกกับผู้ที่ถือบัตรอีลิท ทั้ง 3 แพคเกจที่ออกใหม่ ในราคาใบละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 40,000 บาท ต่อปี เพื่อต้องการให้ทีพีซีสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และมีผลกำไรมาหล่อเลี้ยงองค์กร ซึ่งการเก็บค่าธรรมเนียมจะถือเป็นรายได้ส่วนหนึ่งของบริษัท โดยหากลูกค้าที่ไม่ค่อยเข้ามาใช้บริการ ทีพีซีก็มีแผนที่จะผ่อนปรนการเก็บค่าธรรมเนียมได้ โดยจะพิจารณาจากข้อมูลของลูกค้าเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวของบริษัทตัวแทนจำหน่ายบัตร ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ว่า ล่าสุด บริษัท แอคทีฟ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ของบัตรอีลิท กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจยกเลิกเป็นตัวแทนจำหน่าย
เนื่องจากติดหลายๆปัญหาที่ไม่ลงตัวกับทีพีซี โดยเฉพาะ เรื่องการจัดแบ่งแพคเกจสมาชิกบัตรเป็น 3 แบบ ซึ่งแอคทีฟเองไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น เพราะมองว่ามีความยุ่งยากในการขาย ต้องเสียเวลาอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ ประกอบกับแอคทีฟได้มีการวางระบบการขายไว้แล้วในต่างประเทศ หากต้องปรับเปลี่ยนก็ต้องทำระบบใหม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
“ตอนนี้บอร์ดของแอคทีฟอยู่ระหว่างการตัดสินใจ 50 ต่อ 50 อยู่ว่าจะทำต่อหรือว่าเลิกขาย เพราะมีปัญหาหลายเรื่องมากที่ยังตกลงกันไม่ได้ โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจะทำให้ลูกค้าหนี เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อบัตรเพื่อเข้ามาลงทุนได้ง่ายไม่ใช่จะมาใช้สปา หรือกอล์ฟ” แหล่งข่าวกล่าว
นายโชคศิริ กล่าวว่า การขอยกเลิกเป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรของบริษัทแอคทีฟ ยังไม่เป็นความจริง ซึ่งขณะนี้ทีพีซีและแอคทีฟ ก็ยังเดินสายทำตลาดร่วมกัน อีกทั้งยังมีการหารือร่วมกันในการวางแผนตลาดต่างประเทศอยู่เสมอ โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ออกโรดโชว์สินค้าร่วมกันที่เกาะฮ่องกง ซึ่งมีผู้สนใจเข้าฟังจำนวนมาก และยังขายบัตรได้อีก 10-20 ใบ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 มิ.ย. 48 ทั้งทีพีซีและแอคทีฟ ยังได้เตรียมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายประจำประเทศเกาหลีร่วมกันด้วย ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าข้อมูลข้างต้นที่แอคทีฟจะถอนตัวนั้นไม่เป็นความจริง
ขณะนี้มีผู้ถือบัตรแล้วกว่า 800 ราย มีความถี่การใช้บริการ 2.5 ครั้งต่อปี โดยจำนวนการใช้เมื่อสิ้นปี 2547 มีประมาณ 14,000 ครั้ง โดย 34% คือการใช้สปา และ 32% คือการต้อนรับที่สนามบิน และ 22% คือการใช้สนามกอล์ฟ สมาชิอกใช้เวลาอยู่ในไทยเฉลี่ย 7-11 วัน ใช้จ่ายเงินช่วงดังล่าวเฉลี่ย 300,000 บาทต่อคนต่อครั้ง โดยตั้งเป้าหมายถึงสิ้นปีนี้เฉพาะบัตรใหม่ที่รีลอนช์ออกมาจะมีผู้ถือบัตร 2,000 ใบ