ไบโอฟาร์ม ปรับแผนรับมือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ปักธงสร้างตราสินค้า แยกทำตลาดเฉพาะกลุ่ม เตรียมลงทุนเทคโนโลยี โรงงานใหม่ หวัง 5 ปี บริษัทยาติดทอปเท็น ล่าสุดสร้างความต่างวางโพซิชั่นนิ่งผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม “บิวตี้-แคลเซียม” ดึงนุสบา ปุณณกันต์ พรีเซ็นเตอร์ ปีแรกโกยแชร์ 15%
นายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้ปรับแผนการทำตลาดใหม่เพื่อรองรับกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจากทางภาครัฐ โดยจะเน้นหนักการสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักกับกลุ่มเป้าหมายทั้งสองช่องทาง ได้แก่ โรงพยาบาล และร้านขายยา รวมทั้งแยกเจาะแต่ละตลาดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมลงทุนด้านเทคโนโลยี โรงงาน เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ว่าภายใน 5 ปี จะต้องติดอันดับ 1 ใน 10 ของตลาด จากปัจจุบันบริษัทไบโอฟาร์มอยู่ในอันดับ 16 จากตลาดยามูลค่า 53,000 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ “แคลวิ่น พลัส ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม เพิ่มวิตามินและแร่ธาตุ จับกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป และแคลวิ่น 600 ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม ไม่มีน้ำตาล จับกลุ่มอายุ 25-35 ปีขึ้นไป โดยวางตำแหน่งของสินค้าเป็น” บิวตี้-แคลเซียม”แตกต่างจากสินค้าคู่แข่งซึ่งจะเน้นในเรื่องของแคลเซียมเป็นหลัก พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์”นุสบา ปุณณกันต์”เพื่อสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้รวดเร็วมากขึ้น ขณะที่งบตลาดใช้เกือบ 10 ล้านบาท
สำหรับสินค้าใหม่จะเริ่มจำหน่ายในเดือนมิถุนายน นี้ ผ่านช่องทางร้านขายยา ซึ่งคาดว่าปีแรกจะมีส่วนแบ่ง 15% จากมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมในช่องทางร้านขายยา 200 ล้านบาท โดยแนวโน้มตลาดปีนี้คาดว่าเติบโต 10% และมั่นใจว่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของคนที่ลดลงมากนัก เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีสินค้าร่วม 200 รายการ ได้แก่ ยาคุมกำเนิด แก้ปวด แก้ไข แคลเซียม ยากระเพาะอาหาร หัวใจ ติดเชื้อ และกระดูก
แนวโน้มตลาดยารวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10-15% หรือมีมูลค่าตลาด 62,000 ล้านบาท โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ช่องทางโรงพยาบาลมูลค่า 39,000ล้านบาท มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% และโตมากกว่าช่องทางร้านขายยามูลค่าตลาด 14,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะมีผู้ประกอบการเข้าจดสิทธิบัตรมากขึ้น มีผลทำให้ยามีราคาแพงเพิ่มขึ้น
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโตมากกว่าตลาดยารวม หรือมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกมีรายได้ 200 ล้านบาท โดยปัจจุบันยาของบริษัทไบโอฟาร์ม ทั้งผ่านช่องทางร้านขายยาและโรงพยาบาลอยู่ในอันดับที่ 16 ของตลาด
นายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้ปรับแผนการทำตลาดใหม่เพื่อรองรับกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจากทางภาครัฐ โดยจะเน้นหนักการสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักกับกลุ่มเป้าหมายทั้งสองช่องทาง ได้แก่ โรงพยาบาล และร้านขายยา รวมทั้งแยกเจาะแต่ละตลาดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมลงทุนด้านเทคโนโลยี โรงงาน เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ว่าภายใน 5 ปี จะต้องติดอันดับ 1 ใน 10 ของตลาด จากปัจจุบันบริษัทไบโอฟาร์มอยู่ในอันดับ 16 จากตลาดยามูลค่า 53,000 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ “แคลวิ่น พลัส ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม เพิ่มวิตามินและแร่ธาตุ จับกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป และแคลวิ่น 600 ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม ไม่มีน้ำตาล จับกลุ่มอายุ 25-35 ปีขึ้นไป โดยวางตำแหน่งของสินค้าเป็น” บิวตี้-แคลเซียม”แตกต่างจากสินค้าคู่แข่งซึ่งจะเน้นในเรื่องของแคลเซียมเป็นหลัก พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์”นุสบา ปุณณกันต์”เพื่อสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้รวดเร็วมากขึ้น ขณะที่งบตลาดใช้เกือบ 10 ล้านบาท
สำหรับสินค้าใหม่จะเริ่มจำหน่ายในเดือนมิถุนายน นี้ ผ่านช่องทางร้านขายยา ซึ่งคาดว่าปีแรกจะมีส่วนแบ่ง 15% จากมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมในช่องทางร้านขายยา 200 ล้านบาท โดยแนวโน้มตลาดปีนี้คาดว่าเติบโต 10% และมั่นใจว่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของคนที่ลดลงมากนัก เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีสินค้าร่วม 200 รายการ ได้แก่ ยาคุมกำเนิด แก้ปวด แก้ไข แคลเซียม ยากระเพาะอาหาร หัวใจ ติดเชื้อ และกระดูก
แนวโน้มตลาดยารวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10-15% หรือมีมูลค่าตลาด 62,000 ล้านบาท โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ช่องทางโรงพยาบาลมูลค่า 39,000ล้านบาท มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% และโตมากกว่าช่องทางร้านขายยามูลค่าตลาด 14,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะมีผู้ประกอบการเข้าจดสิทธิบัตรมากขึ้น มีผลทำให้ยามีราคาแพงเพิ่มขึ้น
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโตมากกว่าตลาดยารวม หรือมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกมีรายได้ 200 ล้านบาท โดยปัจจุบันยาของบริษัทไบโอฟาร์ม ทั้งผ่านช่องทางร้านขายยาและโรงพยาบาลอยู่ในอันดับที่ 16 ของตลาด