โดย ถนอม พิพิธยากร
นายกรัฐมนตรีเรียกร้องเอกชนไทยมั่นใจศักยภาพเศรษฐกิจไทย เหมือนนักลงทุนต่างชาติที่ไตรมาสแรกปีนี้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 98% ขณะที่ปีงบประมาณ 48 รัฐบาลจะมีเงินลงทุนกว่าแสนล้านบาท รวมถึงในโครงการเมกกะโปรเจกต์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ยืนยันจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายอย่างต่ำ 5% ปีนี้ พร้อมเน้นแก้ปัญหาคอรัปชันเด็ดขาด รวมถึงเรียกร้องผู้บริหาร-ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ. ต้องมีธรรมาภิบาล ไม่ผ่องถ่ายเงินเพิ่มทุนในตลาดหุ้นเข้ากระเป๋า
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับภาคเอกชนสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลเชิญภาคเอกชนหารือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าหลายสิ่งบ่งชี้เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งอยู่
ขณะที่คนไทยกลับไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่ต่างประเทศวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยดี โดยเฉพาะเศรษฐกิจมหภาค กล้าลงทุนในไทยเพิ่ม ไตรมาสแรกปีนี้ การลงทุนโดยตรง (FDI-Foreign Direct Investment) จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 98% เทียบไตรมาสแรกปีที่แล้ว
ขณะที่สถาบันจัดอันดับเครดิต ฟิตช์ อิบคา (Fitch Ibca) จากอังกฤษ ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินตราต่างประเทศของไทย-ค่าเงินบาท รวมถึงสถาบันจัดอันดับการแข่งขันนานาชาติ (IMD) ปรับเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันของไทย จากอันดับที่ 29 ปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 27 ปีนี้
ส่วนมอร์แกน สแตนเลย์ (Morgan Stanley) วาณิชธนากรยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ยืนยันรัฐบาลไทยมาถูกทาง ในการใช้นโยบายคู่ขนาน (Dual-track Policy) กระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจไทย ทั้งการกระตุ้นการใช้จ่ายคนไทย รวมถึงเพิ่มการส่งออก สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อเศรษฐกิจไทย
แม้มอร์แกน สแตนเลย์ปรับลดคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ จาก 5.7% เหลือ 5% เพราะไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งต่อเนื่องจากปีที่แล้วไทยต้องประสบปัญหาการระบาดไข้หวัดนกรอบใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยคุมสถานการณ์นี้ได้แล้ว รวมถึงการเพิ่มต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำเรียกร้องให้คนไทยช่วยกันประหยัดการใช้น้ำมัน รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบภาคใต้ของไทย และเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ (Tsunami) ถล่ม 6 จังหวัดอันดามันของไทยปลายปีที่แล้ว
แต่การลงทุนภาคเอกชนไทยกลับลดลงเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์เศรษฐกิจ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลจึงต้องเรียกคุยเพราะถ้านักธุรกิจไทยหยุดการลงทุน ไม่ขยายการลงทุน จะมีปัญหา รัฐบาลต้องเหนื่อยมากขึ้น ต้องรีบแก้ปัญหา โดยเชิญนักธุรกิจฟังเรื่องราวที่รัฐบาลกำลังวางแผน ว่าจะทำอะไรบ้าง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปีงบประมาณ 2548 มีงบประมาณต้องใช้อีกเกือบแสนล้านบาท เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจไทยหมุนเวียนต่อได้ โดยลงชนบท เช่น งบหมู่บ้านขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ (SML Projects) การแก้ไขปัญหาพื้นฐาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Mega Projects) จะเอาเงินจากไหน อย่างไร
ส่วนการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้บอกภาคเอกชนชัดเจน ว่ารัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ว่าต่อไปนี้รัฐบาลต้องประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมความ โปร่งใส ขณะที่ภาคเอกชนต้องมีธรรมาภิบาลด้วย โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทย ไม่ใช่เพิ่มทุนแล้วเอาเข้ากระเป๋าผู้บริหาร-ผู้ถือหุ้นใหญ่
พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่า จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไทยปีนี้เติบโตเกิน 5% ให้ได้ จะระวังการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และดุลอื่นๆ ถ้าขาดดุลต้องเป็นตัวเลขเพียงเล็กน้อย แต่จะพยายามเร่งหารายได้ต่างๆ เพื่อจะให้ฐานะการเงินการคลังของประเทศเข้มแข็งตลอดไป
ความพยายามของรัฐบาล ในการกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจ-สังคมไทยต่อเนื่อง จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากคนไทยทุกหมู่เหล่า
นายกรัฐมนตรีเรียกร้องเอกชนไทยมั่นใจศักยภาพเศรษฐกิจไทย เหมือนนักลงทุนต่างชาติที่ไตรมาสแรกปีนี้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 98% ขณะที่ปีงบประมาณ 48 รัฐบาลจะมีเงินลงทุนกว่าแสนล้านบาท รวมถึงในโครงการเมกกะโปรเจกต์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ยืนยันจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายอย่างต่ำ 5% ปีนี้ พร้อมเน้นแก้ปัญหาคอรัปชันเด็ดขาด รวมถึงเรียกร้องผู้บริหาร-ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ. ต้องมีธรรมาภิบาล ไม่ผ่องถ่ายเงินเพิ่มทุนในตลาดหุ้นเข้ากระเป๋า
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับภาคเอกชนสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลเชิญภาคเอกชนหารือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าหลายสิ่งบ่งชี้เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งอยู่
ขณะที่คนไทยกลับไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่ต่างประเทศวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยดี โดยเฉพาะเศรษฐกิจมหภาค กล้าลงทุนในไทยเพิ่ม ไตรมาสแรกปีนี้ การลงทุนโดยตรง (FDI-Foreign Direct Investment) จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 98% เทียบไตรมาสแรกปีที่แล้ว
ขณะที่สถาบันจัดอันดับเครดิต ฟิตช์ อิบคา (Fitch Ibca) จากอังกฤษ ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินตราต่างประเทศของไทย-ค่าเงินบาท รวมถึงสถาบันจัดอันดับการแข่งขันนานาชาติ (IMD) ปรับเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันของไทย จากอันดับที่ 29 ปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 27 ปีนี้
ส่วนมอร์แกน สแตนเลย์ (Morgan Stanley) วาณิชธนากรยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ยืนยันรัฐบาลไทยมาถูกทาง ในการใช้นโยบายคู่ขนาน (Dual-track Policy) กระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจไทย ทั้งการกระตุ้นการใช้จ่ายคนไทย รวมถึงเพิ่มการส่งออก สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อเศรษฐกิจไทย
แม้มอร์แกน สแตนเลย์ปรับลดคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ จาก 5.7% เหลือ 5% เพราะไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งต่อเนื่องจากปีที่แล้วไทยต้องประสบปัญหาการระบาดไข้หวัดนกรอบใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยคุมสถานการณ์นี้ได้แล้ว รวมถึงการเพิ่มต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำเรียกร้องให้คนไทยช่วยกันประหยัดการใช้น้ำมัน รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบภาคใต้ของไทย และเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ (Tsunami) ถล่ม 6 จังหวัดอันดามันของไทยปลายปีที่แล้ว
แต่การลงทุนภาคเอกชนไทยกลับลดลงเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์เศรษฐกิจ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลจึงต้องเรียกคุยเพราะถ้านักธุรกิจไทยหยุดการลงทุน ไม่ขยายการลงทุน จะมีปัญหา รัฐบาลต้องเหนื่อยมากขึ้น ต้องรีบแก้ปัญหา โดยเชิญนักธุรกิจฟังเรื่องราวที่รัฐบาลกำลังวางแผน ว่าจะทำอะไรบ้าง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปีงบประมาณ 2548 มีงบประมาณต้องใช้อีกเกือบแสนล้านบาท เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจไทยหมุนเวียนต่อได้ โดยลงชนบท เช่น งบหมู่บ้านขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ (SML Projects) การแก้ไขปัญหาพื้นฐาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Mega Projects) จะเอาเงินจากไหน อย่างไร
ส่วนการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้บอกภาคเอกชนชัดเจน ว่ารัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ว่าต่อไปนี้รัฐบาลต้องประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมความ โปร่งใส ขณะที่ภาคเอกชนต้องมีธรรมาภิบาลด้วย โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทย ไม่ใช่เพิ่มทุนแล้วเอาเข้ากระเป๋าผู้บริหาร-ผู้ถือหุ้นใหญ่
พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่า จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไทยปีนี้เติบโตเกิน 5% ให้ได้ จะระวังการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และดุลอื่นๆ ถ้าขาดดุลต้องเป็นตัวเลขเพียงเล็กน้อย แต่จะพยายามเร่งหารายได้ต่างๆ เพื่อจะให้ฐานะการเงินการคลังของประเทศเข้มแข็งตลอดไป
ความพยายามของรัฐบาล ในการกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจ-สังคมไทยต่อเนื่อง จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากคนไทยทุกหมู่เหล่า