บุญรอดปรับทิศการรุกตลาดเบียร์ มุ่งหน้าสร้างแบรนด์ดิ้งหวังเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างประเทศ ยอมรับการขยายตลาดใหม่ในไทยยาก เพราะข้อจำกัดเพียบ ต้องรักษาฐานตลาดเก่าเอาให้มากที่สุด เผยเวทีนางงามเป็นจุดสร้างแบรนด์ทั่วโลกได้อย่างดี พร้อมลุยเครื่องดื่มใหม่ เปิดตัวชาเขียว โมชิ ลงตลาด
นายฉัตรชัย วิรัตนโยสินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า นโยบายการทำตลาดของกลุ่มบุญรอดฯโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เบียร์จากนี้จะพยายามรักษาฐานตลาดเก่าเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะการขยายตลาดใหม่ๆนั้นมีความลำบากกว่า อีกทั้งยังจะเป็นการสวนทางกันนโยบายรัฐบาลด้วย นอกจากนั้นยังเป็นผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐต่างๆที่ทำให้การทำตลาดเบียร์ยากกว่าอดีตมากขึ้น เช่น การห้ามโฆษณาในช่วงเวลาที่กำหนด หรือการจำกัดเวลาในการจำหน่ายเบียร์ และมาตรการรณรงค์ต่างๆในช่วงเทศกาลที่สำคัญ เป็นต้น
แผนการทำตลาดเบียร์จึงต้องปรับหันไปให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งการขยายไลน์ธุรกิจอื่นๆทั้งในและนอกประเทศด้วย ซึ่งตลาดเบียร์นั้นจะทำการส่งออกจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ได้ทำไปแล้วหลายประเทศและจะหาตลาดใหม่เพิ่มเช่น ตะวันออกกลาง ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งในการเปิดตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้นคือการสร้างแบรนด์ดิ้งซึ่งเป็นเหตุผลที่สิงห์ยอมทุ่มเงินถึง 100 ล้านบาทในการเข้าไปเป็นเนมมิ่งสปอนเซอร์ของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2005 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
“ตอนนี้ในตลาดเบียร์โดยรวม ผมว่าทุกคนทุกยี่ห้อก็ต้องหันมามุ่งเน้นการสร้างแบรนด์เป็นหลัก ส่วนการทำพวกโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆนั้นจะน้อยลงแต่ก็มีบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ใช่สาระสำคัญแล้ว เพราะตลาดรวมไม่โตหวือหวาเหมือนเมื่อก่อน จะไปสร้างตลาดหรือขยายตลาดก็ลำบากมาก ซึ่งทางเบียร์สิงห์เองนั้นก็มีการทำหลายอย่างทั้ง สปอร์ตมาร์เกตติ้ง มูฟวี่มาร์เกตติ้ง เช่นล่าสุดคือเรื่อง ก็เคยสัญญาซึ่งอยู่ระหว่างการฉายในโรงขณะนี้ หรือกลยุทธ์มิวสิคมาร์เกตติ้ง ตรงนี้จะเริ่มเห็นมากขึ้น”
อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในเวลานี้ กระทบต่อยอดขายเบียร์โดยรวมด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากทางบุญรอดฯมีเบียร์ในหลายระดับทุกเซกเม้นท์ จึงสามารถทำรายได้ทดแทนกันได้ในภาวะดังกล่าว ซึ่งถ้าหากว่าเศรษฐกิจดีเบียร์ระดับพรีเมี่ยมของสิงห์ก็ขายได้ดี หากเศรษฐกิจตกต่ำเราก็มีเบียร์ระดับอีโคโนมี่หรือสแตนดาร์ดรองรับเช่นลีโอหรือไทเบียร์เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วยังได้ขยายตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ๆอีกเช่น ล่าสุดได้เข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มชาเขียวหลังจากที่ได้ศึกษามาพอสมควร ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมมาก โดยทางเครือได้แยกบริษัทออกมาใหม่อีกแห่งบริหารงานโดยนายสันต์ ภิรมย์ภักดี ซึ่งเป็นลูกชายของนายสันติ ภิรมย์ภักดี เพื่อดูแลตลาดเครื่องดื่มชาเขียวโดยเฉพาะ โดยจะใช้ชื่อแบรนด์ว่า “โมชิ” และจะเปิดตัวเป็นทางการในช่วงของการรองรับผู้เข้าประกวดนางงามจักรวาลในปีนี้ด้วย ทั้งนี้ในช่วงแรกชาเขียวโมชิ จะใช้โรงานที่สามเสนทำการผลิต ในขนาดแบบขวด 500 มิลลิลิตร ราคาประมาณ 20 บาท
ขณะเดียวกันในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบริสุทธิ์ตราสิงห์ก็มีการรีเฟรชแบรนด์ใหม่หลังจากที่ไม่ได้ทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยทุ่มงบประมาณไม่น้อยกว่า 10-20 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดทั้งปรับโฉมบีจุภัณฑ์ใหม่ด้วย การออกหนังโฆษณาใหม่ การทำตลาดกิจกรรมส่งเสริมการขายเต็มที่
สำหรับกรณีของการเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2005 ไทยแลนด์นำเสนอโดยผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ จะใช้แนวคิด เอ็กซ์พีเรียนซ์ เดอะ บิวตี้ ออฟ ไทยแลนด์ (Experience the Beauty of Thailand) ด้วยงบประมาณรวม 100 ล้านบาท ซึ่งจะได้สิทธ์การเผยแพร่ตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์สิงห์ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆไม่น้อยกว่า 12 กิจกรรมตลอดเวลา 1 เดือน
โดยล่าสุดได้ทุ่มงบเพิ่มอีก 20 ล้านบาท ประเดิมด้วยกิจกรรมแรกคือ ขบวนพาเหรดเปิดตัวเหล่านางงามผู้เข้าประกวดจาก 82 ประเทศในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก 171 ประเทศภายใต้แนวคิด ซิตี้ออฟแองเจิ้ล นอกจากนั้นยังได้ออกบรรจุภัณฑ์ชนิดพิเศษรุ่นจำกัดสำหรับการประกวดครั้งนี้แบบกระป๋องจำนวน 3 ล้านใบ
นายฉัตรชัย วิรัตนโยสินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า นโยบายการทำตลาดของกลุ่มบุญรอดฯโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เบียร์จากนี้จะพยายามรักษาฐานตลาดเก่าเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะการขยายตลาดใหม่ๆนั้นมีความลำบากกว่า อีกทั้งยังจะเป็นการสวนทางกันนโยบายรัฐบาลด้วย นอกจากนั้นยังเป็นผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐต่างๆที่ทำให้การทำตลาดเบียร์ยากกว่าอดีตมากขึ้น เช่น การห้ามโฆษณาในช่วงเวลาที่กำหนด หรือการจำกัดเวลาในการจำหน่ายเบียร์ และมาตรการรณรงค์ต่างๆในช่วงเทศกาลที่สำคัญ เป็นต้น
แผนการทำตลาดเบียร์จึงต้องปรับหันไปให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งการขยายไลน์ธุรกิจอื่นๆทั้งในและนอกประเทศด้วย ซึ่งตลาดเบียร์นั้นจะทำการส่งออกจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ได้ทำไปแล้วหลายประเทศและจะหาตลาดใหม่เพิ่มเช่น ตะวันออกกลาง ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งในการเปิดตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้นคือการสร้างแบรนด์ดิ้งซึ่งเป็นเหตุผลที่สิงห์ยอมทุ่มเงินถึง 100 ล้านบาทในการเข้าไปเป็นเนมมิ่งสปอนเซอร์ของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2005 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
“ตอนนี้ในตลาดเบียร์โดยรวม ผมว่าทุกคนทุกยี่ห้อก็ต้องหันมามุ่งเน้นการสร้างแบรนด์เป็นหลัก ส่วนการทำพวกโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆนั้นจะน้อยลงแต่ก็มีบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ใช่สาระสำคัญแล้ว เพราะตลาดรวมไม่โตหวือหวาเหมือนเมื่อก่อน จะไปสร้างตลาดหรือขยายตลาดก็ลำบากมาก ซึ่งทางเบียร์สิงห์เองนั้นก็มีการทำหลายอย่างทั้ง สปอร์ตมาร์เกตติ้ง มูฟวี่มาร์เกตติ้ง เช่นล่าสุดคือเรื่อง ก็เคยสัญญาซึ่งอยู่ระหว่างการฉายในโรงขณะนี้ หรือกลยุทธ์มิวสิคมาร์เกตติ้ง ตรงนี้จะเริ่มเห็นมากขึ้น”
อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในเวลานี้ กระทบต่อยอดขายเบียร์โดยรวมด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากทางบุญรอดฯมีเบียร์ในหลายระดับทุกเซกเม้นท์ จึงสามารถทำรายได้ทดแทนกันได้ในภาวะดังกล่าว ซึ่งถ้าหากว่าเศรษฐกิจดีเบียร์ระดับพรีเมี่ยมของสิงห์ก็ขายได้ดี หากเศรษฐกิจตกต่ำเราก็มีเบียร์ระดับอีโคโนมี่หรือสแตนดาร์ดรองรับเช่นลีโอหรือไทเบียร์เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วยังได้ขยายตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ๆอีกเช่น ล่าสุดได้เข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มชาเขียวหลังจากที่ได้ศึกษามาพอสมควร ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมมาก โดยทางเครือได้แยกบริษัทออกมาใหม่อีกแห่งบริหารงานโดยนายสันต์ ภิรมย์ภักดี ซึ่งเป็นลูกชายของนายสันติ ภิรมย์ภักดี เพื่อดูแลตลาดเครื่องดื่มชาเขียวโดยเฉพาะ โดยจะใช้ชื่อแบรนด์ว่า “โมชิ” และจะเปิดตัวเป็นทางการในช่วงของการรองรับผู้เข้าประกวดนางงามจักรวาลในปีนี้ด้วย ทั้งนี้ในช่วงแรกชาเขียวโมชิ จะใช้โรงานที่สามเสนทำการผลิต ในขนาดแบบขวด 500 มิลลิลิตร ราคาประมาณ 20 บาท
ขณะเดียวกันในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบริสุทธิ์ตราสิงห์ก็มีการรีเฟรชแบรนด์ใหม่หลังจากที่ไม่ได้ทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยทุ่มงบประมาณไม่น้อยกว่า 10-20 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดทั้งปรับโฉมบีจุภัณฑ์ใหม่ด้วย การออกหนังโฆษณาใหม่ การทำตลาดกิจกรรมส่งเสริมการขายเต็มที่
สำหรับกรณีของการเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2005 ไทยแลนด์นำเสนอโดยผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ จะใช้แนวคิด เอ็กซ์พีเรียนซ์ เดอะ บิวตี้ ออฟ ไทยแลนด์ (Experience the Beauty of Thailand) ด้วยงบประมาณรวม 100 ล้านบาท ซึ่งจะได้สิทธ์การเผยแพร่ตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์สิงห์ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆไม่น้อยกว่า 12 กิจกรรมตลอดเวลา 1 เดือน
โดยล่าสุดได้ทุ่มงบเพิ่มอีก 20 ล้านบาท ประเดิมด้วยกิจกรรมแรกคือ ขบวนพาเหรดเปิดตัวเหล่านางงามผู้เข้าประกวดจาก 82 ประเทศในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก 171 ประเทศภายใต้แนวคิด ซิตี้ออฟแองเจิ้ล นอกจากนั้นยังได้ออกบรรจุภัณฑ์ชนิดพิเศษรุ่นจำกัดสำหรับการประกวดครั้งนี้แบบกระป๋องจำนวน 3 ล้านใบ