บริษัทดิวิชั่น 16 หนีตลาดเครื่องนอน-ผ้าขนหนูระดับกลางแข่งดุ สินค้าลอกเลียนแบบเพียบ แตกไลน์สร้างแบรนด์เครื่องนอนและผ้าขนหนูระดับพรีเมี่ยม "เอสเซ่" หวังเจาะคนรุ่นใหม่ที่ทันสมัย คาดยอดขายปีแรก 30 ล้านบาท วาดฝัน 3 ปีบุกตลาดย่านอาเซียน
นางสาวนันทวัน วัฒนวิชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทดิวิชั่น 16 จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องนอนและผ้าขนหนูยี่ห้อแคนนอน ภายใต้ลิขสิทธิ์จากอเมริกา กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการขยายฐานลูกค้าในระดับพรีเมี่ยมให้กว้างขึ้นจึงมีการแตกไลน์ธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ "เอสเซ่" เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการรุกตลาดในย่านอาเซียนภายใน 3 ปีนี้ โดยคาดปีแรกยอดขายเอสเซ่ 30 ล้านบาท
จุดแตกต่างสำหรับแบรนด์แคนนอนกับเอสเซ่อยู่ที่รูปแบบการดีไซน์และราคา ซึ่งเอสเซ่จะเป็นในสไตล์เทรนดี้และตามแฟชั่น เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ราคาประมาณ 3,590-5,450 บาท ซึ่งถือว่าถูกกว่าแคนนอน 10% ขณะที่แคนนอนจะมีการดีไซน์ที่เหมาะกับผู้ใหญ่ และทำตลาดได้เฉพาะในไทย เพราะเป็นไลเซนส์ที่ซื้อมาจากอเมริกา โดยมีช่องทางการขายขณะนี้กว่า 30 จุดในห้างสรรพสินค้า เช่น เซ็นทรัล ทุกสาขา เป็นต้น
ด้านนายธนชาติ วัฒนวิชัยวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทดิวิชั่น 16 จำกัด เปิดเผยว่า งบทางการตลาดปีนี้บริษัทฯใช้ประมาณ 5-10% ของยอดขาย ล่าสุดได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดด้วยการให้ลูกค้านำผลิตภัณฑ์เครื่องนอนและผ้าขนหนูที่ใช้แล้วมาแลกซื้อผลิตภัณฑ์เอสเซ่ได้ในราคาลด 50% เริ่ม 15 พ.ค. -15 ส.ค. นี้ จากนั้นบริษัทฯจะนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วไปบริจาคให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมและมูลนิธิชัยพัฒนาฯ
สำหรับภาพรวมการแข่งขันตลาดเครื่องนอนและผ้าขนหนูมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาการเลียนแบบที่มักจะเกิดขึ้นมาตลาดระดับกลางลงไป ขณะเดียวกันจากนโยบายการค้าเสรีภายใต้กรอบ เอฟทีเอ และอาฟต้าทำให้มีสินค้าราคาถูกเข้ามาตีตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ ทั้งนี้เพราะสินค้าที่เราเน้นนั้น เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม ซึ่งการแข่งขันจะเน้นด้านคุณภาพเป็นหลัก ทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว
ปัจจุบันตลาดเครื่องนอนและผ้าขนหนูมีมูลค่ารวมประมาณปีละ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดพรีเมี่ยม 700 ล้านบาท ซึ่งในตลาดมีผู้ประกอบการประมาณ 10 ราย โดยผู้นำตลาด คือ แซนตัส อันดับ 2 แคนนอน มีแชร์อยู่17-18% ปีนี้คาดว่าแชร์จะเพิ่มเป็น 23-25% จากการเปิดตัวแบรนด์เอสเซ่ และอันดับ 3 พาซาย่า ส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯปี2547ที่ผ่านมามียอดรวม 130 ล้านบาท แบ่งเป็น เครื่องนอน 70% และผ้าขนหนู 30% ส่วนปีนี้คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 25% หรือประมาณ 165 ล้านบาท
นางสาวนันทวัน วัฒนวิชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทดิวิชั่น 16 จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องนอนและผ้าขนหนูยี่ห้อแคนนอน ภายใต้ลิขสิทธิ์จากอเมริกา กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการขยายฐานลูกค้าในระดับพรีเมี่ยมให้กว้างขึ้นจึงมีการแตกไลน์ธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ "เอสเซ่" เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการรุกตลาดในย่านอาเซียนภายใน 3 ปีนี้ โดยคาดปีแรกยอดขายเอสเซ่ 30 ล้านบาท
จุดแตกต่างสำหรับแบรนด์แคนนอนกับเอสเซ่อยู่ที่รูปแบบการดีไซน์และราคา ซึ่งเอสเซ่จะเป็นในสไตล์เทรนดี้และตามแฟชั่น เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ราคาประมาณ 3,590-5,450 บาท ซึ่งถือว่าถูกกว่าแคนนอน 10% ขณะที่แคนนอนจะมีการดีไซน์ที่เหมาะกับผู้ใหญ่ และทำตลาดได้เฉพาะในไทย เพราะเป็นไลเซนส์ที่ซื้อมาจากอเมริกา โดยมีช่องทางการขายขณะนี้กว่า 30 จุดในห้างสรรพสินค้า เช่น เซ็นทรัล ทุกสาขา เป็นต้น
ด้านนายธนชาติ วัฒนวิชัยวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทดิวิชั่น 16 จำกัด เปิดเผยว่า งบทางการตลาดปีนี้บริษัทฯใช้ประมาณ 5-10% ของยอดขาย ล่าสุดได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดด้วยการให้ลูกค้านำผลิตภัณฑ์เครื่องนอนและผ้าขนหนูที่ใช้แล้วมาแลกซื้อผลิตภัณฑ์เอสเซ่ได้ในราคาลด 50% เริ่ม 15 พ.ค. -15 ส.ค. นี้ จากนั้นบริษัทฯจะนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วไปบริจาคให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมและมูลนิธิชัยพัฒนาฯ
สำหรับภาพรวมการแข่งขันตลาดเครื่องนอนและผ้าขนหนูมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาการเลียนแบบที่มักจะเกิดขึ้นมาตลาดระดับกลางลงไป ขณะเดียวกันจากนโยบายการค้าเสรีภายใต้กรอบ เอฟทีเอ และอาฟต้าทำให้มีสินค้าราคาถูกเข้ามาตีตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ ทั้งนี้เพราะสินค้าที่เราเน้นนั้น เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม ซึ่งการแข่งขันจะเน้นด้านคุณภาพเป็นหลัก ทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว
ปัจจุบันตลาดเครื่องนอนและผ้าขนหนูมีมูลค่ารวมประมาณปีละ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดพรีเมี่ยม 700 ล้านบาท ซึ่งในตลาดมีผู้ประกอบการประมาณ 10 ราย โดยผู้นำตลาด คือ แซนตัส อันดับ 2 แคนนอน มีแชร์อยู่17-18% ปีนี้คาดว่าแชร์จะเพิ่มเป็น 23-25% จากการเปิดตัวแบรนด์เอสเซ่ และอันดับ 3 พาซาย่า ส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯปี2547ที่ผ่านมามียอดรวม 130 ล้านบาท แบ่งเป็น เครื่องนอน 70% และผ้าขนหนู 30% ส่วนปีนี้คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 25% หรือประมาณ 165 ล้านบาท