xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเตรียมเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยเต็มที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย ถนอม พิพิธยากร

นายกรัฐมนตรี “ทักษิณ” ประกาศ พ.ค. เดินหน้าลุยปัญหาเศรษฐกิจไทยเต็มที่ ดันจีดีพีโตไม่ต่ำกว่า 5% ปีนี้ โดยจะเร่งเพิ่มราคาสินค้าเกษตรหลัก ๆ-เดินหน้าเปิดตลาดส่งออกใหม่ ๆ วิงวอนประชาชนลดใช้น้ำมัน ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีคลัง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ผลักดัน ธ.ก.ส.ช่วยแก้ปัญหาความยากจนเกษตรกร

พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการค้าระหว่างประเทศของไทยไตรมาส 1 การส่งออกขยายตัวดี แต่การนำเข้า ขยายตัวมากกว่าส่งออก โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมัน สูงขึ้นมาก แนวโน้มราคาไม่ค่อยลดลง ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายกรัฐมนตรีขอร้องประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน ขณะที่รายได้ท่องเที่ยวยังไม่ค่อยดีนัก ส่งผลดุลบริการอ่อนแอไปด้วย ภาวะรวม ต้องเร่งแก้ปัญหาทุกด้าน พ.ต.ท.ทักษิณย้ำ พ.ค. นี้ จะลุยแก้ปัญหาเศรษฐกิจเต็มที่

โดยเฉพาะการ ดึงราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น และเร่งส่งออก โดยเปิดตลาดส่งออกใหม่ ๆ ซึ่งล่าสุด พบว่าตลาดหลักส่งออกชะลอ แต่ตลาดส่งออกใหม่ ๆ ขยายต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศที่ไทยทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA-Free Trade Areas)) ขยายตัวมาก เช่น อินเดีย ขยายตัว 110% แม้ออสเตรเลีย ไทยขาดดุลการค้า เพราะไทยซื้อทองคำจำนวนมาก ถึงครึ่งหนึ่งของการค้าระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อทำเครื่องประดับส่งออก

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การที่ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยาย 5.2% ปีนี้ นับเป็นตัวเลขที่ดี แม้จะต่ำกว่าประมาณการเดิมก็ตาม เนื่องจากภาวะความท้าทายมีมาก ทั้งน้ำมันราคาแพง ปัญหาความไม่สงบบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะพยายามทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเกิน 5% แม้ไตรมาส 1 อาจอ่อนแอบ้าง เพราะขาดดุลการค้า คาดไตรมาส 2 เศรษฐกิจจะทรงตัว แต่ไตรมาส 3-4 เชื่อว่าจะดีขึ้น โดยรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า เมื่อวันอังคารที่ 26 เม.ย. คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ผู้ประกอบธุรกิจ บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เดิม เป็นอุปกรณ์ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน หักรายจ่ายเพื่อการลงทุนได้ 1.25 เท่าของมูลค่าทรัพย์สิน สำหรับมูลค่าลงทุน 50 ล้านบาทแรก

โดยให้ทยอยหักรายจ่ายดังกล่าว 5 รอบระยะเวลาบัญชี นับแต่วันที่ทรัพย์สินนั้นใช้งานได้ อุปกรณ์ประหยัดพลังงานดังกล่าว ต้องพร้อมใช้งานภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2549 นายกรัฐมนตรีคาดว่าจะเป็นแรงจูงใจเอกชนเร่วมโครงการประหยัดพลังงานมากขึ้น

นายกรัฐมนตรียังประกาศจะร่วมมือกับอินโดนีเซีย-มาเลเซีย ผลักดันราคายางพาราให้สูงกว่า 50-60 บาทต่อกิโลกรัม รองรับค่าครองชีพที่ขยับตามราคาน้ำมันก่อนหน้า

พ.ต.ท.ทักษิณเป็นประธานเปิดประชุมรัฐมนตรี 8 ประเทศผู้ผลิตยางพารา ที่เชียงใหม่ เมื่อวันเสาร์ ผู้ร่วมประชุม ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ศรีลังกา อินเดีย ปาปัวนิวกินี และสิงคโปร์

การร่วมประชุมกับรัฐมนตรี 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งร่วมจดทะเบียนตั้งบริษัท เพื่อคอยดูไม่ให้ราคายางตกต่ำ แต่ขณะนี้ ราคายางประมาณ 40 กว่าบาท ซึ่งไม่ค่อยน่าพอใจ เพราะเมื่อราคาน้ำมันขึ้นสูง คู่แข่งยางธรรมชาติ คือยางสังเคราะห์ ที่ใช้วัตถุดิบผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ก็ราคาแพ ที่ประมาณ 1.60 ดอลลาร์ (กว่า 60 บาท) เป้าหมาย 3 ชาติ ต้องร่วมกันผลักดันยางพาราให้ราคาขึ้นเกิน 50 บาท หรืออาจร่วม 60 บาท ต่อกิโลกรัม

ขณะที่ ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผลักดันธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปรับบทบาท เป็นแกนหลักแก้ปัญหาความยากจนไทย ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนามูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร เชื่อมโยงแก้ปัญหานี้ 3 ระดับ ทั้งระดับประเทศ ชุมชน และบุคคล เชื่อมโยงองค์กรต่าง ๆ ทั้งสถาบันระหว่างประเทศที่ทำงานคล้าย ธ.ก.ส.-สถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาชนบทไทยให้เข้มแข็ง

ดร.สมคิดแนะ ธ.ก.ส.ควรเน้นปล่อยสินเชื่อรายกลุ่ม แทนรายบุคคล เชื่อหากทำได้ 4 ปีข้างหน้า เกษตรกรไทยจะมีรายได้เพิ่ม พ้นความยากจน ย้ำรัฐบาลพร้อมเพิ่มทุน ธ.ก.ส.เต็มที่ หากขาดทุนจากนโยบายนี้

รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหารากฐานเศรษฐกิจ-สังคมไทยเต็มที่ในทุกด้าน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ-ร่วมใจ จากคนไทยทุกหมู่เหล่า
กำลังโหลดความคิดเห็น