รมว.คลังสั่งพลิกโฉม ธกส. เพื่อผลักดันให้มีระบบธนาคารเป็นสากลและเต็มรูปแบบ โดยจะเน้นปล่อยสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น ด้าน ธกส.เสนอจัดตั้ง บ.เอสพีวี เข้าครม.แล้ว พร้อมคาดว่าจะสามารถดำเนินงานได้ภายในสัปดาห์หน้า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังพิธีเปิดการประชุมเชิงปฎิบัติการ เรื่องการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล เพื่อขจัดความยากจนผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี ว่า ธกส.จะต้องทำการพลิกโฉมใหม่ ซึ่งจะเป็นธนาคารที่มีหน้าที่สร้างเกษตรกร พัฒนาเกษตรกร โดยการเข้าไปให้ความรู้หรือให้คำปรึกษากับเกษตรกรได้ ไม่ใช่ปล่อยสินเชื่อเพื่อหวังผลกำไรเท่านั้น ซึ่งในการพลิกโฉมในครั้งนี้มีจุดประสงค์หลัก 3 ประการด้วยกัน 1. เพื่อทำให้ ธกส.เป็นมีระบบธนาคารเป็นสากลและเต็มรูปแบบ 2. เน้นปล่อยสินเชื่อรายชุมชนให้มากขึ้นกว่ารายบุคคล และ 3. เพื่อเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต้องเชื่อมโยง ธกส.กับสถาบันต่างประเทศที่มีลักษณะการดำเนินงานในทำนองเดียวกันกับ ธกส.
นายธีรพงศ์ ตั้งธีระสุนันท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหรกรณ์การเกษตร (ธกส.) เปิดเผยภายหลังการรับนโยบายว่า ได้เสนอเรื่องการจัดตั้งบริษัทส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย (เอสพีวี) เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเริ่มดำเนินการได้ โดยในเบื้องต้นมีทุนที่ชำระแล้ว 250 ล้านบาท จากทั้งหมด 1,000 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการสรรหากรรมการผู้จัดการ บ.เอสพีวี ซึ่งในปัจจุบันนี้ ตนได้ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการอยู่ และเมื่อบริษัทนี้มีความสมบรูณ์ทางด้านกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถดำเนินงานได้ทันที โดยจะมีโคเนื้อเป็นสินค้าชนิดแรกที่จะจัดสรรให้กับเกษตรกร ส่วนข้าว ลำไย และผลไม้อื่นๆ จะเป็นสินค้าในลำดับต่อไป
"ธกส.จะสนับสนุนการดำเนินโครงการเอสพีวีอย่างเต็มที่ โดยจะเริ่มต้นจากธุรกิจโคเนื้อ และจัดทำกรอบความร่วมมือระหว่าง ธกส. กรมปศุสัตว์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และบริษัทเอสพีวีให้เสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้" นายธีรพงศ์ กล่าว
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังพิธีเปิดการประชุมเชิงปฎิบัติการ เรื่องการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล เพื่อขจัดความยากจนผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี ว่า ธกส.จะต้องทำการพลิกโฉมใหม่ ซึ่งจะเป็นธนาคารที่มีหน้าที่สร้างเกษตรกร พัฒนาเกษตรกร โดยการเข้าไปให้ความรู้หรือให้คำปรึกษากับเกษตรกรได้ ไม่ใช่ปล่อยสินเชื่อเพื่อหวังผลกำไรเท่านั้น ซึ่งในการพลิกโฉมในครั้งนี้มีจุดประสงค์หลัก 3 ประการด้วยกัน 1. เพื่อทำให้ ธกส.เป็นมีระบบธนาคารเป็นสากลและเต็มรูปแบบ 2. เน้นปล่อยสินเชื่อรายชุมชนให้มากขึ้นกว่ารายบุคคล และ 3. เพื่อเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต้องเชื่อมโยง ธกส.กับสถาบันต่างประเทศที่มีลักษณะการดำเนินงานในทำนองเดียวกันกับ ธกส.
นายธีรพงศ์ ตั้งธีระสุนันท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหรกรณ์การเกษตร (ธกส.) เปิดเผยภายหลังการรับนโยบายว่า ได้เสนอเรื่องการจัดตั้งบริษัทส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย (เอสพีวี) เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเริ่มดำเนินการได้ โดยในเบื้องต้นมีทุนที่ชำระแล้ว 250 ล้านบาท จากทั้งหมด 1,000 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการสรรหากรรมการผู้จัดการ บ.เอสพีวี ซึ่งในปัจจุบันนี้ ตนได้ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการอยู่ และเมื่อบริษัทนี้มีความสมบรูณ์ทางด้านกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถดำเนินงานได้ทันที โดยจะมีโคเนื้อเป็นสินค้าชนิดแรกที่จะจัดสรรให้กับเกษตรกร ส่วนข้าว ลำไย และผลไม้อื่นๆ จะเป็นสินค้าในลำดับต่อไป
"ธกส.จะสนับสนุนการดำเนินโครงการเอสพีวีอย่างเต็มที่ โดยจะเริ่มต้นจากธุรกิจโคเนื้อ และจัดทำกรอบความร่วมมือระหว่าง ธกส. กรมปศุสัตว์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และบริษัทเอสพีวีให้เสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้" นายธีรพงศ์ กล่าว