ศรีทองพาณิชย์ชี้ปัจจัยลบรุม ทั้งค่าเงิน ราคาน้ำมัน ทำกำลังซื้อหด สั่งลดเป้าหมายยอดขายปี 2548 ลง 10% พร้อมอัดงบเพิ่มเป็น 30 ล้านบาทปลุกตลาดฟื้น หลังปรับภาพลักษณ์ใหม่มิโด้ เตรียมผุดจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 15 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
นางวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีทองพาณิชย์ ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกานำเข้ามิโด้ ซิติเซน เปิดเผยว่า ปีนี้ทางกลุ่มศรีทองพาณิชย์ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของยอดขายลง 10% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้เมื่อต้นปี 30% เหลือเพียง 20% เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น อัตราแลกเปลี่ยนสวิตฟรังซ์เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนของราคาสินค้าสูงมากขึ้น ราคาปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ปัจจัยทางภาคใต้ กระทบในแง่จิตวิทยา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร โดยเมื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายเติบโตเพียง 15%
อย่างไรก็ตาม ตลาดในไทยถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของมิโด้ในเอเชีย ทางกลุ่มศรีทองพาณิชย์จึงได้เพิ่มงบการทำตลาดและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดทั้งปีรวม 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ใช้เพียง 20 ล้านบาท และเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มชะลอตัวลง
อีกทั้ง งบดังกล่าวยังใช้เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของการปรับเปลี่ยนโลโก้ และตู้จัดแสดงสินค้าใหม่ทั้งหมดทุกจุดจำหน่าย 250 แห่งทั่วประเทศ และเตรียมจะเปิดเพิ่มอีก 15 จุดในกรุงเทพฯ โดยล่าสุดได้เปิดตัวนาฬิกา 4 รุ่นใหม่ เพื่อจับกลุ่มอายุ 21 – 45 ปี จากเดิมที่กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มอายุ 40 - 60 ปี
แนวโน้มการเลือกซื้อนาฬิกาปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยนิยมนาฬิการะบบอัตโนมัติ มีกระจกที่ป้องกันรอยขูดขีด มีระดับราคาไม่สูงนัก ประมาณ 10,000 - 20,000 ล้านบาท โดยมิโด้มีราคาเฉลี่ย 10,000 – 30,000 บาท จัดอยู่ในตลาดนาฬิการะดับกลาง ซึ่งตลาดดังกล่าวมีสัดส่วน 40% ของมูลค่ารวมตลาดนาฬิกาทั้งหมด 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2547 มิโด้สร้างยอดขายให้กับกลุ่มศรีทองฯ คิดเป็นสัดส่วน 30% หรือประมาณ 10,000 เรือน ซิติเซน 40% หรือประมาณ 50,000 เรือน และแบรนด์อื่นๆ 30%
นางวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีทองพาณิชย์ ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกานำเข้ามิโด้ ซิติเซน เปิดเผยว่า ปีนี้ทางกลุ่มศรีทองพาณิชย์ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของยอดขายลง 10% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้เมื่อต้นปี 30% เหลือเพียง 20% เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น อัตราแลกเปลี่ยนสวิตฟรังซ์เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนของราคาสินค้าสูงมากขึ้น ราคาปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ปัจจัยทางภาคใต้ กระทบในแง่จิตวิทยา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร โดยเมื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายเติบโตเพียง 15%
อย่างไรก็ตาม ตลาดในไทยถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของมิโด้ในเอเชีย ทางกลุ่มศรีทองพาณิชย์จึงได้เพิ่มงบการทำตลาดและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดทั้งปีรวม 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ใช้เพียง 20 ล้านบาท และเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มชะลอตัวลง
อีกทั้ง งบดังกล่าวยังใช้เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของการปรับเปลี่ยนโลโก้ และตู้จัดแสดงสินค้าใหม่ทั้งหมดทุกจุดจำหน่าย 250 แห่งทั่วประเทศ และเตรียมจะเปิดเพิ่มอีก 15 จุดในกรุงเทพฯ โดยล่าสุดได้เปิดตัวนาฬิกา 4 รุ่นใหม่ เพื่อจับกลุ่มอายุ 21 – 45 ปี จากเดิมที่กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มอายุ 40 - 60 ปี
แนวโน้มการเลือกซื้อนาฬิกาปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยนิยมนาฬิการะบบอัตโนมัติ มีกระจกที่ป้องกันรอยขูดขีด มีระดับราคาไม่สูงนัก ประมาณ 10,000 - 20,000 ล้านบาท โดยมิโด้มีราคาเฉลี่ย 10,000 – 30,000 บาท จัดอยู่ในตลาดนาฬิการะดับกลาง ซึ่งตลาดดังกล่าวมีสัดส่วน 40% ของมูลค่ารวมตลาดนาฬิกาทั้งหมด 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2547 มิโด้สร้างยอดขายให้กับกลุ่มศรีทองฯ คิดเป็นสัดส่วน 30% หรือประมาณ 10,000 เรือน ซิติเซน 40% หรือประมาณ 50,000 เรือน และแบรนด์อื่นๆ 30%