เชียงใหม่เด้งรับตลาดนักท่องเที่ยวระดับบน สนองนโยบายทักษิน ชูศักยภาพด้านสาธารณูปโภค สนามบิน ถนน ศูนย์ประชุม ส่งผลโรงแรมระดับบน และบูติคโรงแรม เปิดตัวเป็นดอกเห็ด ตั้งเป้าดึงยอดนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ปีนี้ 20% ของจำนวนนักท่องเที่ยวเชียงใหม่ ด้านโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี จับช่องว่างตลาดนิชมาร์เก็ต ทุ่ม 4 พันล้านบาท เนรมิตโรงแรมหรู
นายจุณ พงศ์ สาระนาค ผู้อำนวยการ สำนักงาน ททท.ภาคเหนือ เขต 1 เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ขณะนี้มีความพร้อมมาก เพราะจากการที่รัฐบาลต้องการให้ เชียงใหม่เป็นฮับทางการบิน จึงมีการขยายถนน และสนามบิน ตลอดจนสาธารณูปโภคต่างๆ ไว้ร้องรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ที่เป็นลูกค้าเป้าหมาย ที่ไทยต้องการ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะ โรงแรม ระดับ 5 ดาว และบูติค โฮเทล มีเปิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งจุดขายของเชียงใหม่ คือเรื่องของศิลปวัฒนธรรม และวิถีชิวิต แบบลานนา
ทั้งนี้ปี 2547 เชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวน 3.89 ล้านคน เติบโต 14% โดยเป็นชาวต่างชาติ 1.79 ล้านคน หรือประมาณ 40% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เติบโต 21% ส่วนใหญ่เป็นชาว อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และไต้หวัน โดยในปีนี้จะเร่งขยายตลาดเอเชีย ด้วยการออกโรดโชว์ เช่น ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมเดินทางในระยะใกล้ของนักท่องเที่ยว และจากสถิติพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีวันพักเฉลี่ยที่ 6 วัน มีการจับจ่ายราว 3,028 บาท ต่อคนต่อวัน
โดยปีที่ผ่านมา เชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว 4.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 17% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 4.8 หมื่นล้านบาท สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ปัจจุบันยังมีสัดส่วนไม่มาก ราว 5-10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเชียงใหม่ แต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ดังนั้นปีนี้ จึงตั้งสัดส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไว้ที่ 20% ซึ่งจะมาจากกลุ่มประชุมสัมมนา และอินเซ็นทีฟ และเมื่อศูนย์ประชุมเชียงใหม่สร้างเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า จะทำให้ตลาดนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ทุ่ม 17 ล้านสร้างกิจกรรมขันโตก
อย่างไรก็ตาม ททท.จะเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงสินค้าทางการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มนักเดินทางระดับบนยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวระดับบนและมีกำลังการซื้อสูง โดยจะเน้นการชูภาพลักษณ์การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมวิถีชีวิติความเป็นอยู่ของคนพื้นเมือง
สำหรับตลาดคนไทย เพื่อให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่ท่องเที่ยวได้ทั้งปี ททท.ส่วนกลางจึงอนุมัติงบประมาณ 17 ล้านบาท ในการจัดเทศกาลขันโตก ลานนา ที่ อ.สันทราย จะมีงานเฉพาะสุดสัปดาห์ หรือวันศุกร์ เสาร์ เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้เป็นต้นไปเป็นเวลา 3 เดือน โดยจะเป็นงานที่เข้ามาเสริมกับกิจกรรมถนนคนเดิน ที่จัดขึ้นอยู่แล้วที่ อ.สันกำแพง กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนไทย โดยจุดขาย คือต้องการให้นักท่องเที่ยวได้มาเห็นและสัมผัสงานขันโตกแบบดั้งเดิม
ปัจจุบันห้องพักใน จ.เชียงใหม่มีประมาณ 15,000 ห้อง ซึ่งมีความเพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉลี่ยการเข้าพักทั้งปีประมาณ 51% ทั้งนี้ผู้ประกอบการโรงแรมมีแผนการลงทุนก่อสร้างโรงแรมระดับ 5-6 ดาวเป็นจำนวนมาก เช่น โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล ดาราเทวี แชงกีล่า โฟร์ซีซั่น เป็นต้น ถือว่ามีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับบน
โอเรียนเต็ลจับทาง ทุ่ม 4 พันล้านเปิดโรงแรมไฮเอ็นด์
ด้านนายศวัส รัตตะกุญชร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป โรงแรมแมน ดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้มองเห็นศักยภาพของตลาดนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ที่จะเติบโตไปพร้อมกับ ที่จ.เชียงใหม่ จะเป็น ฮับ และเป็นจังหวัดศูนย์กลางทางภาคเหนือ ประกอบกับเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด ในคอนเซปต์ของโรงแรม ดาราเทวี ที่ยังไม่มีอยู่ในตลาดนี้ จึงเกิดเป็นโครงการขึ้น ด้วยงบประมาณ ราว 4,000 ล้านบาท ในพื้นที่กว่า 150 ไร่ จำนวน 144 ยูนิต แบ่งเป็น 2 เฟสๆละประมาณ 2,000 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณต้นปี 2549 ด้วยอัตราเข้าพักไม่น้อยกว่า 70% ล่าสุดได้เปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวแล้วในเฟสแรก โดยจะมีเฉพาะสวีส กับวิลล่า เท่านั้น ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะเกิดการจ้างงานในส่วนของพนักงานราว 550 คน จากปัจจุบันที่มีพนักงานอยู่ 380 คน
ลูกค้าหลัก ที่เข้ามาใช้บริการ เป็นชาวต่างชาติกว่า 70% เป็นชาว อเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ โดยช่องทางจำหน่ายเบื้องต้น ใช้เครือข่ายโอเรียนเต็ลในกรุงเทพ และ โรงแรมที่อยู่ในเครือทั้งหมด เป็นผู้แนะนำ ในส่วนของตัวแทนจำหน่าย ก็ได้ติดต่อไว้แล้ว และพร้อมที่จะส่งลูกค้าให้ เมื่อโรงแรมมีความพร้อม ซึ่งน่าจะประมาณสิ้นปีนี้ และด้วยสิ่งปลูกสร้างสไตล์ลานนา ผสมผสานศิลป และจำลองแบบสถาปัตยกรรม ทั้ง จากประเทศพม่า และ ลาว ทำให้โรงแรมจะได้กลุ่มลุกค้าที่เป็นนีชมาร์เก็ตระดับไฮเอ็นด์ เช่น อาร์ต แอนด์ มิวเซียม กลุ่มครอบครัว กลุ่มประชุมสัมมนา และอินเซ็นทีฟ โดยราคาห้องพักจะอยู่ที่ระดับ 1.5 หมื่นบาท ถึง 2.4 แสนบาทต่อคืน
ล่าสุด โรงแรมได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทไทยแลนด์ พริวิลเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด โดยได้จัดราคาแพคเกจห้องพัก 3 วัน 2 คืน ในราคาพิเศษ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนโครงการระดับประเทศ
นายจุณ พงศ์ สาระนาค ผู้อำนวยการ สำนักงาน ททท.ภาคเหนือ เขต 1 เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ขณะนี้มีความพร้อมมาก เพราะจากการที่รัฐบาลต้องการให้ เชียงใหม่เป็นฮับทางการบิน จึงมีการขยายถนน และสนามบิน ตลอดจนสาธารณูปโภคต่างๆ ไว้ร้องรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ที่เป็นลูกค้าเป้าหมาย ที่ไทยต้องการ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะ โรงแรม ระดับ 5 ดาว และบูติค โฮเทล มีเปิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งจุดขายของเชียงใหม่ คือเรื่องของศิลปวัฒนธรรม และวิถีชิวิต แบบลานนา
ทั้งนี้ปี 2547 เชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวน 3.89 ล้านคน เติบโต 14% โดยเป็นชาวต่างชาติ 1.79 ล้านคน หรือประมาณ 40% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เติบโต 21% ส่วนใหญ่เป็นชาว อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และไต้หวัน โดยในปีนี้จะเร่งขยายตลาดเอเชีย ด้วยการออกโรดโชว์ เช่น ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมเดินทางในระยะใกล้ของนักท่องเที่ยว และจากสถิติพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีวันพักเฉลี่ยที่ 6 วัน มีการจับจ่ายราว 3,028 บาท ต่อคนต่อวัน
โดยปีที่ผ่านมา เชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว 4.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 17% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 4.8 หมื่นล้านบาท สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ปัจจุบันยังมีสัดส่วนไม่มาก ราว 5-10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเชียงใหม่ แต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ดังนั้นปีนี้ จึงตั้งสัดส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไว้ที่ 20% ซึ่งจะมาจากกลุ่มประชุมสัมมนา และอินเซ็นทีฟ และเมื่อศูนย์ประชุมเชียงใหม่สร้างเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า จะทำให้ตลาดนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ทุ่ม 17 ล้านสร้างกิจกรรมขันโตก
อย่างไรก็ตาม ททท.จะเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงสินค้าทางการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มนักเดินทางระดับบนยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวระดับบนและมีกำลังการซื้อสูง โดยจะเน้นการชูภาพลักษณ์การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมวิถีชีวิติความเป็นอยู่ของคนพื้นเมือง
สำหรับตลาดคนไทย เพื่อให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่ท่องเที่ยวได้ทั้งปี ททท.ส่วนกลางจึงอนุมัติงบประมาณ 17 ล้านบาท ในการจัดเทศกาลขันโตก ลานนา ที่ อ.สันทราย จะมีงานเฉพาะสุดสัปดาห์ หรือวันศุกร์ เสาร์ เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้เป็นต้นไปเป็นเวลา 3 เดือน โดยจะเป็นงานที่เข้ามาเสริมกับกิจกรรมถนนคนเดิน ที่จัดขึ้นอยู่แล้วที่ อ.สันกำแพง กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนไทย โดยจุดขาย คือต้องการให้นักท่องเที่ยวได้มาเห็นและสัมผัสงานขันโตกแบบดั้งเดิม
ปัจจุบันห้องพักใน จ.เชียงใหม่มีประมาณ 15,000 ห้อง ซึ่งมีความเพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉลี่ยการเข้าพักทั้งปีประมาณ 51% ทั้งนี้ผู้ประกอบการโรงแรมมีแผนการลงทุนก่อสร้างโรงแรมระดับ 5-6 ดาวเป็นจำนวนมาก เช่น โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล ดาราเทวี แชงกีล่า โฟร์ซีซั่น เป็นต้น ถือว่ามีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับบน
โอเรียนเต็ลจับทาง ทุ่ม 4 พันล้านเปิดโรงแรมไฮเอ็นด์
ด้านนายศวัส รัตตะกุญชร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป โรงแรมแมน ดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้มองเห็นศักยภาพของตลาดนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ที่จะเติบโตไปพร้อมกับ ที่จ.เชียงใหม่ จะเป็น ฮับ และเป็นจังหวัดศูนย์กลางทางภาคเหนือ ประกอบกับเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด ในคอนเซปต์ของโรงแรม ดาราเทวี ที่ยังไม่มีอยู่ในตลาดนี้ จึงเกิดเป็นโครงการขึ้น ด้วยงบประมาณ ราว 4,000 ล้านบาท ในพื้นที่กว่า 150 ไร่ จำนวน 144 ยูนิต แบ่งเป็น 2 เฟสๆละประมาณ 2,000 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณต้นปี 2549 ด้วยอัตราเข้าพักไม่น้อยกว่า 70% ล่าสุดได้เปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวแล้วในเฟสแรก โดยจะมีเฉพาะสวีส กับวิลล่า เท่านั้น ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะเกิดการจ้างงานในส่วนของพนักงานราว 550 คน จากปัจจุบันที่มีพนักงานอยู่ 380 คน
ลูกค้าหลัก ที่เข้ามาใช้บริการ เป็นชาวต่างชาติกว่า 70% เป็นชาว อเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ โดยช่องทางจำหน่ายเบื้องต้น ใช้เครือข่ายโอเรียนเต็ลในกรุงเทพ และ โรงแรมที่อยู่ในเครือทั้งหมด เป็นผู้แนะนำ ในส่วนของตัวแทนจำหน่าย ก็ได้ติดต่อไว้แล้ว และพร้อมที่จะส่งลูกค้าให้ เมื่อโรงแรมมีความพร้อม ซึ่งน่าจะประมาณสิ้นปีนี้ และด้วยสิ่งปลูกสร้างสไตล์ลานนา ผสมผสานศิลป และจำลองแบบสถาปัตยกรรม ทั้ง จากประเทศพม่า และ ลาว ทำให้โรงแรมจะได้กลุ่มลุกค้าที่เป็นนีชมาร์เก็ตระดับไฮเอ็นด์ เช่น อาร์ต แอนด์ มิวเซียม กลุ่มครอบครัว กลุ่มประชุมสัมมนา และอินเซ็นทีฟ โดยราคาห้องพักจะอยู่ที่ระดับ 1.5 หมื่นบาท ถึง 2.4 แสนบาทต่อคืน
ล่าสุด โรงแรมได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทไทยแลนด์ พริวิลเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด โดยได้จัดราคาแพคเกจห้องพัก 3 วัน 2 คืน ในราคาพิเศษ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนโครงการระดับประเทศ


