ลองสเตย์วิกฤต 3 ปีผลงานไม่คืบขาดทุนต่อเนื่อง สมศักดิ์ เร่งปัดฝุ่น ฝันนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ระดมทุนสร้างสินค้า ผู้บริหารTLM ก้นร้อน เดินสายโรดโชว์ ด้านมูลลิสดึงทุน 500 ล.จากนอกสร้างหนังไทยโกอินเตอร์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด(TLM) ว่า ต้องการให้บริษัทนี้เดินหน้าต่อไปอย่างเป็นระบบ และมีผลงานเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการประชาสัมพันธ์ และพร้อมที่จะให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพำนักในประเทศไทยเป็นเวลานาน และต้องมีความพร้อมในเรื่องของสินค้าที่จะให้บริการกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เช่น โรงแรมที่พักโรงพยาบาล แพคเกจทัวร์ ตลอดจนกิจกรรมนันทนาการต่างๆ แต่ทั้งหมด จะต้องไม่ทับซ้อนกับธุรกิจของเอกชนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ TLM จัดตั้งมาแล้ว 3 ปี ด้วยเงินทุน 25 ล้านบาท โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ถือหุ้น30% ส่วนแผนในอนาคต 3- 5 ปี จะมีเรื่องของการระดมทุน โดยนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำเงินมาลงทุนสร้างสินค้าขึ้นมารองรับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
นายวิรัช ฉิมประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด(TLM)ยอมรับว่า 3 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนมาตลอด ขณะนี้ได้ปรับภาพลักษณ์ จากการเป็นผู้ให้บริการประสานงาน จองโรงแรม จัดตั้งเป็น บริษัท ทีแอลเอ็ม แทรเวล เซ็นเตอร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ขึ้นมาเป็นบริษัทในเครือ ดำเนินธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยว(ทัวร์โอเปอร์เรเตอร์)
“ปี 2546 TLM มีผลประกอบการ 1.3 แสนบาท มีลูกค้ามาใช้บริการ 30 คน ปี 2547 ซึ่งมีบริษัท ทีแอลเอ็ม แทรเวล แล้ว มีผลประกอบการ 1.7 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวประมาณ 200 คน และปี 2548 ตั้งเป้ารายได้ 2 ล้านบาท แต่จะให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ 1,000 คน ซึ่งเราจะจับลูกค้าระดับกลาง ที่มีรายได้ต่อเดือน คิดเป็นเงินไทย 6 หมื่นบาทขึ้นไป”
แผนงานจากนี้จะออกโรดโชว์มากขึ้น โดยจะเข้าร่วมงานที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้า ล่าสุดวันนี้จะเดินทางไปร่วมงานโรดโชว์ ที่ สต๊อกโฮม ประเทศสวีเดน ในงาน “ฟิฟตี้ไฟว์ พลัส ซีเนียร์ ซิตี้เซน แฟร์” ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยจะนำแพคเกจทัวร์ ที่เหมาะกับคนวัยนี้ไปเสนอขาย เพื่อให้เขาได้มาทดลองอยู่ก่อนตัดสินใจใช้ไทยเป็นที่พำนักระยะยาวหลังเกษียณอายุ ประเทศเป้าหมายได้แก่ ญี่ปุ่น สแกนดิเนเวีย และกลุ่มประเทศใน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงฯมีความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์ “ Round Five” ซึ่งจะเริ่มเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2548 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เลือกใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ กรมสรรพากร จะลดหย่อนภาษีรายได้ให้กับทีมงานและดาราต่างชาติ ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ปีที่ผ่านมาประเทศไทย มีรายได้จากการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 1,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ “ Round Five” ใช้ทุนสร้าง 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 600 ล้านบาท จากบริษัท มูลลิส แคปพิตอล โดยได้เชิญ นายแบรี่ ออสบอน(Barrie Osborn) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ “Lord of the Rings” พร้อมทีมงาน 8 คน เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยมีผู้กำกับคนไทย คือ นายวิชช์ เกาไศยนันท์ ซึ่งเคยกำกับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ฟ้า” มาแล้ว
นายโรเบิร์ต มัลลิส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มูลลิส แคปพิตอล กล่าวว่า “ Round Five”เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวของประเทศออสเตรเลีย แต่มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง เน้นความเป็นกรุงเทพ ใช้สถานที่ถ่ายทำในกรุงเทพมหานครเป็นหลักกว่า 90% เน้นสถานที่วัดและโบราณสถาน โดยใช้นักแสดงคนไทยทั้งหมด ยกเว้นนางเอกซึ่งจะใช้ดาราจากต่างประเทศ จะนำออกฉายที่อเมริกาเป็นประเทศแรกประมาณเดือนเมษายนปีหน้า
นายวิชช์ เกาไศยนันท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ “ Round Five” กล่าวว่า ตนเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะต้องการนำเสนอประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงาม ออกสู่สายตาคนทั้งโลก เพราะจากประสบการณ์ที่อยู่ต่างประเทศมานาน จะพบว่าภาพของกรุงเทพฯที่ออกสู่สายตาชาวโลก จะเป็นแหล่งบันเทิงมั่วสุม ผู้หญิงไทยขายบริการ ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องการการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยได้ดีมาก อีกทั้ง จะเป็นหนังไทยเรื่องแรก ที่ต่างชาติลงทุน 100% แต่ใช้ผู้แสดงคนไทย แต่ผลิตออกมาเพื่อฉายในต่างประเทศ ระดับฮอลีวูด
มูลลิส แคปพิตอล เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 เป็นการร่วมลงทุน ของแหล่งเงินทุนในต่างประเทศ เพื่อทำธุรกิจโพสต์โปรดักชั่น และเคยสร้างภาพยนตร์เรื่อง “ลิตเติ้ล ฟิชช์” ออกไปฉายที่ประเทศออสเตรเลียมาแล้ว เมื่อหลายปีก่อน และ “ Round Five” ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่บริษัทได้ลงทุน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด(TLM) ว่า ต้องการให้บริษัทนี้เดินหน้าต่อไปอย่างเป็นระบบ และมีผลงานเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการประชาสัมพันธ์ และพร้อมที่จะให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพำนักในประเทศไทยเป็นเวลานาน และต้องมีความพร้อมในเรื่องของสินค้าที่จะให้บริการกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เช่น โรงแรมที่พักโรงพยาบาล แพคเกจทัวร์ ตลอดจนกิจกรรมนันทนาการต่างๆ แต่ทั้งหมด จะต้องไม่ทับซ้อนกับธุรกิจของเอกชนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ TLM จัดตั้งมาแล้ว 3 ปี ด้วยเงินทุน 25 ล้านบาท โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ถือหุ้น30% ส่วนแผนในอนาคต 3- 5 ปี จะมีเรื่องของการระดมทุน โดยนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำเงินมาลงทุนสร้างสินค้าขึ้นมารองรับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
นายวิรัช ฉิมประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด(TLM)ยอมรับว่า 3 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนมาตลอด ขณะนี้ได้ปรับภาพลักษณ์ จากการเป็นผู้ให้บริการประสานงาน จองโรงแรม จัดตั้งเป็น บริษัท ทีแอลเอ็ม แทรเวล เซ็นเตอร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ขึ้นมาเป็นบริษัทในเครือ ดำเนินธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยว(ทัวร์โอเปอร์เรเตอร์)
“ปี 2546 TLM มีผลประกอบการ 1.3 แสนบาท มีลูกค้ามาใช้บริการ 30 คน ปี 2547 ซึ่งมีบริษัท ทีแอลเอ็ม แทรเวล แล้ว มีผลประกอบการ 1.7 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวประมาณ 200 คน และปี 2548 ตั้งเป้ารายได้ 2 ล้านบาท แต่จะให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ 1,000 คน ซึ่งเราจะจับลูกค้าระดับกลาง ที่มีรายได้ต่อเดือน คิดเป็นเงินไทย 6 หมื่นบาทขึ้นไป”
แผนงานจากนี้จะออกโรดโชว์มากขึ้น โดยจะเข้าร่วมงานที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้า ล่าสุดวันนี้จะเดินทางไปร่วมงานโรดโชว์ ที่ สต๊อกโฮม ประเทศสวีเดน ในงาน “ฟิฟตี้ไฟว์ พลัส ซีเนียร์ ซิตี้เซน แฟร์” ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยจะนำแพคเกจทัวร์ ที่เหมาะกับคนวัยนี้ไปเสนอขาย เพื่อให้เขาได้มาทดลองอยู่ก่อนตัดสินใจใช้ไทยเป็นที่พำนักระยะยาวหลังเกษียณอายุ ประเทศเป้าหมายได้แก่ ญี่ปุ่น สแกนดิเนเวีย และกลุ่มประเทศใน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงฯมีความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์ “ Round Five” ซึ่งจะเริ่มเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2548 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เลือกใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ กรมสรรพากร จะลดหย่อนภาษีรายได้ให้กับทีมงานและดาราต่างชาติ ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ปีที่ผ่านมาประเทศไทย มีรายได้จากการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 1,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ “ Round Five” ใช้ทุนสร้าง 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 600 ล้านบาท จากบริษัท มูลลิส แคปพิตอล โดยได้เชิญ นายแบรี่ ออสบอน(Barrie Osborn) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ “Lord of the Rings” พร้อมทีมงาน 8 คน เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยมีผู้กำกับคนไทย คือ นายวิชช์ เกาไศยนันท์ ซึ่งเคยกำกับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ฟ้า” มาแล้ว
นายโรเบิร์ต มัลลิส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มูลลิส แคปพิตอล กล่าวว่า “ Round Five”เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวของประเทศออสเตรเลีย แต่มีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง เน้นความเป็นกรุงเทพ ใช้สถานที่ถ่ายทำในกรุงเทพมหานครเป็นหลักกว่า 90% เน้นสถานที่วัดและโบราณสถาน โดยใช้นักแสดงคนไทยทั้งหมด ยกเว้นนางเอกซึ่งจะใช้ดาราจากต่างประเทศ จะนำออกฉายที่อเมริกาเป็นประเทศแรกประมาณเดือนเมษายนปีหน้า
นายวิชช์ เกาไศยนันท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ “ Round Five” กล่าวว่า ตนเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะต้องการนำเสนอประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงาม ออกสู่สายตาคนทั้งโลก เพราะจากประสบการณ์ที่อยู่ต่างประเทศมานาน จะพบว่าภาพของกรุงเทพฯที่ออกสู่สายตาชาวโลก จะเป็นแหล่งบันเทิงมั่วสุม ผู้หญิงไทยขายบริการ ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องการการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยได้ดีมาก อีกทั้ง จะเป็นหนังไทยเรื่องแรก ที่ต่างชาติลงทุน 100% แต่ใช้ผู้แสดงคนไทย แต่ผลิตออกมาเพื่อฉายในต่างประเทศ ระดับฮอลีวูด
มูลลิส แคปพิตอล เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 เป็นการร่วมลงทุน ของแหล่งเงินทุนในต่างประเทศ เพื่อทำธุรกิจโพสต์โปรดักชั่น และเคยสร้างภาพยนตร์เรื่อง “ลิตเติ้ล ฟิชช์” ออกไปฉายที่ประเทศออสเตรเลียมาแล้ว เมื่อหลายปีก่อน และ “ Round Five” ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่บริษัทได้ลงทุน