โดย ถนอม พิพิธยากร
นายกรัฐมนตรียืนยัน รัฐบาลจัดสรรงบประมาณกลางปี 48 อีก 5 หมื่นล้านบาท โดยจัดสรรให้ 5 ส่วนหลัก ๆ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจไทยโดยรวม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อกระจายการเจริญเติบโตสู่ท้องถิ่น ทั่วประเทศ ไม่ใช่มุ่งเน้นก่อสร้างเมกะโปรเจกท์ใน กทม.-ปริมณฑล เท่านั้น
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยแนวทางใช้งบกลางปี 2548 ที่เพิ่งผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ก่อนสงกรานต์ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท จะใช้ใน 5 แนวทางหลัก ๆ ทั้งสำรองฉุกเฉิน จัดสรรให้ผู้ว่าฯ ซีอีโอ โครงการ SML แก้ปัญหาความยากจน และจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยืนยันไม่เน้นเมกะโปรเจกท์ (Mega Projects) เท่านั้น
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 5 หมื่นล้านบาท ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 12 เม.ย.
เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง 3 -4 ปีที่ผ่านมา และรัฐบาลสามารถเก็บรายได้ ทั้งภาษีและรายได้จากรัฐวิสาหกิจ เกินเป้า ทำให้มีรายได้เกินกว่าคาด ที่ตั้งไว้ทั้งหมดเดิม 1.2 ล้านล้านบาท โดย 6 เดือนแรกปีงบประมาณ รัฐบาลรายได้เกินเป้า 3.9 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปี รายได้รัฐบาลจะเกินเป้าไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้างบกลางปีไว้ 5 หมื่นล้านบาท โดยไม่จัดสรรงบฯ จากที่เก็บได้เกินเป้าทั้งหมด 6 หมื่นล้านบาท เพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิด ที่อาจกระทบเศรษฐกิจไทยในอนาคต เมื่อรวมกับงบประมาณรายจ่ายปี 2548 เดิม จะเท่ากับมีงบประมาณ 1.25 ล้านล้านบาท
งบประมาณส่วนที่เกินประมาณ 5 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจะจัดสรรงบกลางดังกล่าวเป็น 5 ส่วน
ส่วนแรก เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท
ส่วนที่ 2 เป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการโครงการตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (ผู้ว่าฯ ซีอีโอ) 1.5 หมื่นล้านบาท จัดสรรให้ลงถึงพื้นที่ท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทยทั่วประเทศ ดีขึ้น การทำมาหากิน ทำได้สะดวก
3. เป็นค่าใช้จ่ายพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านหรือชุมชน (โครงการ SML-Small- Medium- and Large-Village Projects) 9.4 พันล้านบาท เพื่อกระจายเงินลงทุนลงสู่หมู่บ้าน-ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยในท้องถิ่น ประชุมปรึกษาหารือกันเอง จัดสรรงบฯ กันเอง พัฒนาท้องถิ่น เช่น โครงการสร้างอาชีพคนในท้องถิ่น โครงการเก็บขยะ
4. ใช้แก้ปัญหาความเดือนร้อน และความยากจนประชาชน ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลอีก 4 ปีข้างหน้า 4 พันล้านบาท และ
สุดท้าย เป็นงบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง 4.6 พันล้านบาท
ซึ่งในที่สุด ผลรวมของผลการจัดสรรงบประมาณ เพื่อพัฒนาด้านต่าง ๆ จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น จากปัญหาน้ำมันที่แพงต่อเนื่องในปัจจุบัน รัฐบาลจึงจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายลงสู่ท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณยืนยัน รัฐบาลไม่ได้มุ่งจัดสรรงบประมาณ เพื่อการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Projects) ใน กทม. และปริมณฑล เท่านั้น
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายอิตารุ โคเอดะ ประธานสมาพันธ์ผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่น เข้าพบ แสดงความเป็นห่วงการต่อรองเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (FTA-Free Trade Areas) ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นต้องการให้ลดภาษีเหล็ก ภาษีนำเข้ารถยนต์ขนาด 3000 ซีซีขึ้นไป
นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ประเทศไทยต้องพิจารณาภาพรวม ว่าเกษตร-อุตสาหกรรมไทยได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงนี้ ในภาพรวม มากน้อยเพียงใด และต้องเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า หากญี่ปุ่นเปิดตลาดให้ไทยมากขึ้นเท่าใด จะเพิ่มพูนการค้า และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นตาม เกิดการเพิ่มผลผลิตมากขึ้น
นายกรัฐมนตรียืนยัน รัฐบาลจัดสรรงบประมาณกลางปี 48 อีก 5 หมื่นล้านบาท โดยจัดสรรให้ 5 ส่วนหลัก ๆ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจไทยโดยรวม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อกระจายการเจริญเติบโตสู่ท้องถิ่น ทั่วประเทศ ไม่ใช่มุ่งเน้นก่อสร้างเมกะโปรเจกท์ใน กทม.-ปริมณฑล เท่านั้น
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยแนวทางใช้งบกลางปี 2548 ที่เพิ่งผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ก่อนสงกรานต์ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท จะใช้ใน 5 แนวทางหลัก ๆ ทั้งสำรองฉุกเฉิน จัดสรรให้ผู้ว่าฯ ซีอีโอ โครงการ SML แก้ปัญหาความยากจน และจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยืนยันไม่เน้นเมกะโปรเจกท์ (Mega Projects) เท่านั้น
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 5 หมื่นล้านบาท ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 12 เม.ย.
เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง 3 -4 ปีที่ผ่านมา และรัฐบาลสามารถเก็บรายได้ ทั้งภาษีและรายได้จากรัฐวิสาหกิจ เกินเป้า ทำให้มีรายได้เกินกว่าคาด ที่ตั้งไว้ทั้งหมดเดิม 1.2 ล้านล้านบาท โดย 6 เดือนแรกปีงบประมาณ รัฐบาลรายได้เกินเป้า 3.9 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปี รายได้รัฐบาลจะเกินเป้าไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้างบกลางปีไว้ 5 หมื่นล้านบาท โดยไม่จัดสรรงบฯ จากที่เก็บได้เกินเป้าทั้งหมด 6 หมื่นล้านบาท เพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิด ที่อาจกระทบเศรษฐกิจไทยในอนาคต เมื่อรวมกับงบประมาณรายจ่ายปี 2548 เดิม จะเท่ากับมีงบประมาณ 1.25 ล้านล้านบาท
งบประมาณส่วนที่เกินประมาณ 5 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจะจัดสรรงบกลางดังกล่าวเป็น 5 ส่วน
ส่วนแรก เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท
ส่วนที่ 2 เป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการโครงการตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (ผู้ว่าฯ ซีอีโอ) 1.5 หมื่นล้านบาท จัดสรรให้ลงถึงพื้นที่ท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทยทั่วประเทศ ดีขึ้น การทำมาหากิน ทำได้สะดวก
3. เป็นค่าใช้จ่ายพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านหรือชุมชน (โครงการ SML-Small- Medium- and Large-Village Projects) 9.4 พันล้านบาท เพื่อกระจายเงินลงทุนลงสู่หมู่บ้าน-ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยในท้องถิ่น ประชุมปรึกษาหารือกันเอง จัดสรรงบฯ กันเอง พัฒนาท้องถิ่น เช่น โครงการสร้างอาชีพคนในท้องถิ่น โครงการเก็บขยะ
4. ใช้แก้ปัญหาความเดือนร้อน และความยากจนประชาชน ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลอีก 4 ปีข้างหน้า 4 พันล้านบาท และ
สุดท้าย เป็นงบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง 4.6 พันล้านบาท
ซึ่งในที่สุด ผลรวมของผลการจัดสรรงบประมาณ เพื่อพัฒนาด้านต่าง ๆ จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น จากปัญหาน้ำมันที่แพงต่อเนื่องในปัจจุบัน รัฐบาลจึงจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายลงสู่ท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณยืนยัน รัฐบาลไม่ได้มุ่งจัดสรรงบประมาณ เพื่อการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Projects) ใน กทม. และปริมณฑล เท่านั้น
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายอิตารุ โคเอดะ ประธานสมาพันธ์ผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่น เข้าพบ แสดงความเป็นห่วงการต่อรองเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (FTA-Free Trade Areas) ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นต้องการให้ลดภาษีเหล็ก ภาษีนำเข้ารถยนต์ขนาด 3000 ซีซีขึ้นไป
นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ประเทศไทยต้องพิจารณาภาพรวม ว่าเกษตร-อุตสาหกรรมไทยได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงนี้ ในภาพรวม มากน้อยเพียงใด และต้องเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า หากญี่ปุ่นเปิดตลาดให้ไทยมากขึ้นเท่าใด จะเพิ่มพูนการค้า และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นตาม เกิดการเพิ่มผลผลิตมากขึ้น