อ.ส.ค.ร่วมกับสหกรณ์โคนม 13 แห่งบริหารจัดการน้ำนมดิบเพื่อแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนมยูเอชทีมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันในตลาดนมพาณิชย์
นายสกุล สุขสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. เปิดเผยว่า ขณะนี้ อ.ส.ค.ได้ร่วมกับสหกรณ์โคนมจำนวน 13 แห่ง ร่วมกันบริหารจัดการน้ำนมดิบทั้งในส่วนของนมพาณิชย์และนมตามโครงการอาหารเสริม (นม) เพื่อแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด ตลอดจนเป็นการช่วยเหลือกลุ่มสหกรณ์โคนมให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างเข้มแข็ง เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติให้ผู้ประกอบการแปรรูปนมที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ต้องรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2 ส่วน จึงมีสิทธิจำหน่ายนมตามโครงการดังกล่าวได้ 1 ส่วน และส่วนที่เหลือให้นำไปจำหน่ายในตลาดนมพาณิชย์ ส่งผลต่อกลุ่มสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจด้านนมโรงเรียนเพียงอย่างเดียว และไม่สามารถเปิดตลาดนมพาณิชย์ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันสหกรณ์โคนมทั้ง 13 แห่ง ประกอบด้วยสหกรณ์โคนมนครปฐม สหกรณ์โคนมกำแพงแสน สหกรณ์โคนมพัทลุง สหกรณ์โคนมอุดรธานี สหกรณ์โคนมวาริชภูมิ สหกรณ์การเกษตรเมืองสุพรรณบุรี สหกรณ์โคนมเมืองจันทน์ สหกรณ์โคนมขอนแก่น สหกรณ์โคนมชะอำ-ห้วยทราย สหกรณ์โคนมวารินชำราบ สหกรณ์โคนมเขาขลุงราชบุรี และสหกรณ์การเกษตรสีคิ้ว มีปริมาณน้ำนมดิบรวมกันประมาณ 200 ตันต่อวัน ซึ่งสามารถจำหน่ายในโครงการนมโรงเรียนได้จำนวน 100 ตันต่อวัน ส่วนที่เหลืออีก 100 ตัน จะต้องนำมาจำหน่ายในตลาดนมพาณิชย์
ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าวอีกว่า อ.ส.ค.จะเข้าไปให้การสนับสนุนให้สหกรณ์ดังกล่าว สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนมยูเอชทีมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันในตลาดนมพาณิชย์และสร้างรายได้ให้กับสมาชิกของสหกรณ์ได้ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น อ.ส.ค.จะต้องรับซื้อน้ำนมดิบจากสหกรณ์จำนวน 0.75 ส่วน เพื่อมาผลิตเป็นนมพาณิชย์ ส่วนที่เหลือ 0.25 ส่วน ทางสหกรณ์จะต้องผลิตเอง เพื่อให้ครบ 1 ส่วนตามนโยบายกำหนดไว้
“การที่ อ.ส.ค.ได้ส่งเสริมให้กลุ่มสหกรณ์โคนมหันมาผลิตและจำหน่ายนมพาณิชย์มากขึ้น แทนที่จะผลิตเพียงแค่นมโรงเรียนเท่านั้น จะส่งผลให้สหกรณ์โคนมเหล่านี้เกิดความเข้มแข็ง และสามารถประกอบอาชีพนี้ได้อย่างมั่นคง ตลอดจนเป็นการแก้ปัญหานมล้นตลาด โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมได้อย่างถาวร“ นายสกุล กล่าว
นายสกุล สุขสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. เปิดเผยว่า ขณะนี้ อ.ส.ค.ได้ร่วมกับสหกรณ์โคนมจำนวน 13 แห่ง ร่วมกันบริหารจัดการน้ำนมดิบทั้งในส่วนของนมพาณิชย์และนมตามโครงการอาหารเสริม (นม) เพื่อแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด ตลอดจนเป็นการช่วยเหลือกลุ่มสหกรณ์โคนมให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างเข้มแข็ง เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติให้ผู้ประกอบการแปรรูปนมที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ต้องรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2 ส่วน จึงมีสิทธิจำหน่ายนมตามโครงการดังกล่าวได้ 1 ส่วน และส่วนที่เหลือให้นำไปจำหน่ายในตลาดนมพาณิชย์ ส่งผลต่อกลุ่มสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจด้านนมโรงเรียนเพียงอย่างเดียว และไม่สามารถเปิดตลาดนมพาณิชย์ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันสหกรณ์โคนมทั้ง 13 แห่ง ประกอบด้วยสหกรณ์โคนมนครปฐม สหกรณ์โคนมกำแพงแสน สหกรณ์โคนมพัทลุง สหกรณ์โคนมอุดรธานี สหกรณ์โคนมวาริชภูมิ สหกรณ์การเกษตรเมืองสุพรรณบุรี สหกรณ์โคนมเมืองจันทน์ สหกรณ์โคนมขอนแก่น สหกรณ์โคนมชะอำ-ห้วยทราย สหกรณ์โคนมวารินชำราบ สหกรณ์โคนมเขาขลุงราชบุรี และสหกรณ์การเกษตรสีคิ้ว มีปริมาณน้ำนมดิบรวมกันประมาณ 200 ตันต่อวัน ซึ่งสามารถจำหน่ายในโครงการนมโรงเรียนได้จำนวน 100 ตันต่อวัน ส่วนที่เหลืออีก 100 ตัน จะต้องนำมาจำหน่ายในตลาดนมพาณิชย์
ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าวอีกว่า อ.ส.ค.จะเข้าไปให้การสนับสนุนให้สหกรณ์ดังกล่าว สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนมยูเอชทีมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันในตลาดนมพาณิชย์และสร้างรายได้ให้กับสมาชิกของสหกรณ์ได้ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น อ.ส.ค.จะต้องรับซื้อน้ำนมดิบจากสหกรณ์จำนวน 0.75 ส่วน เพื่อมาผลิตเป็นนมพาณิชย์ ส่วนที่เหลือ 0.25 ส่วน ทางสหกรณ์จะต้องผลิตเอง เพื่อให้ครบ 1 ส่วนตามนโยบายกำหนดไว้
“การที่ อ.ส.ค.ได้ส่งเสริมให้กลุ่มสหกรณ์โคนมหันมาผลิตและจำหน่ายนมพาณิชย์มากขึ้น แทนที่จะผลิตเพียงแค่นมโรงเรียนเท่านั้น จะส่งผลให้สหกรณ์โคนมเหล่านี้เกิดความเข้มแข็ง และสามารถประกอบอาชีพนี้ได้อย่างมั่นคง ตลอดจนเป็นการแก้ปัญหานมล้นตลาด โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมได้อย่างถาวร“ นายสกุล กล่าว