เอฟแอนด์เอ็นฯ เร่งสยายปีกสร้างเครือข่ายธุรกิจใหม่ในไทย เตรียมเปิดฉากลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชิมลางโครงการคอนโดย่านพระราม 3 หลังส่งไอศกรีมแมกโนเลีย-ไทเกอร์เบียร์ลงตลาดไทยแล้ว พร้อมเตรียมงบ 400–500 ล้านบาท ผุดโรงงานใหม่
นายเตียว คิม ชิว ผู้อำนวยการ บริษัท เอฟแอนด์เอ็น ยูไนเต็ด จำกัด ในเครือเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จากสิงคโปร์ เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่สิงคโปร์มีธุรกิจหลักหลายประเภท ประกอบด้วย อาหาร และเครื่องดื่ม, อสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจสิ่งพิมพ์, ธุรกิจพัสดุภัณฑ์ และธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจรวมกว่า 72,000 ล้านบาท โดยในปี 2547 มีผลกำไร 7,200 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ในไทย เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ในย่านพระราม 3 หลังจากที่เข้ามาทำธุรกิจไอศกรีม “แมกโนเลีย” และธุรกิจเครื่องดื่ม “ไทเกอร์เบียร์” ในช่วงที่ผ่านมา เพราะมองว่าไทยเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพ ทำให้สนใจขยายธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงสนใจทำธุรกิจเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ด้วย
สำหรับไอศกรีมแมกโนเลีย บริษัทมีนโยบายที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 50 ล้านลิตรต่อปีที่โรงงานเดิมที่อยู่ท่าข้าม ฝั่งธนบุรี เป็น 80–100 ล้านลิตร เพื่อรองรับความต้องการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาสถานที่ที่เหมาะสม แต่จะต้องเป็นสถานที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) คาดว่าจะใช้งบลงทุน 400-500 ล้านบาท
ด้านแผนการทำตลาดให้กับแมกโนเลีย บริษัททุ่มงบ 200 ล้านบาท เพื่อปรับภาพลักษณ์ใหม่เป็น “ไอศกรีมอารมณ์ดี” แทนภาพลักษณ์เดิมที่เน้นเรื่อง ”อร่อยทุกรส สนุกทุกคำ” โดยงบประมาณ 100 ล้านบาท จะใช้ในการเพิ่มจำนวนตู้แช่และหน่วยขายสามล้ออย่างละ 40% ซึ่งจะเพิ่มตู้แช่เป็นเกือบ 20,000 ตู้ จากเดิมมี 10,000 ตู้ และเพิ่มหน่วยขายสามล้ออีก 1,000 คัน จากเดิมมีอยู่แล้วหลายพันคัน ด้วยงบ 80 ล้านบาท จะใช้ทำการตลาด และงบอีก 20 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงโรงงาน
สำหรับยอดขายปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40% จากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย โดยจะปิดยอดที่ 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 800 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากการส่งออก 60% ตลาดหลักอยู่ในแถบเอเชีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย จีน เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้ขยายการส่งออกไปยังสหรัฐฯ แคนาดา และในอนาคตจะมีการขยายไปยังยุโรปด้วย
ปัจจุบันตลาดไอศกรีมในประเทศมีมูลค่าราว 5,300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นช่องทางในโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วไป 50% และช่องทางรถสามล้อ 50% ซึ่งแมกโนเลียมีส่วนแบ่งตลาด 15% เป็นอันดับ 3 ของตลาดช่องทางแรก รองจากวอลล์ และเนสท์เล่ ปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 20%