รอยเตอร์/เอเอฟพี - เอไอจี ยอมรับความผิดพลาดด้านบัญชี ซึ่งรวมถึงการทำธุรกรรมกับเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ ที่ถูกจับตาจากบรรดาผู้คุมกฎ ส่งผลให้เอสแอนด์พีประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่รายนี้ทันที
การเปิดเผยของอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงค์ (เอไอจี) ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดมูลค่าทางบัญชีลง 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2% เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากมาริซ "แฮงก์" กรีนเบิร์ก ประธานกรรมการของบริษัทประกาศลาออกหลังจากอยู่ในตำแหน่งมาเกือบ 40 ปี
เอไอจียอมรับเมื่อวันพุธ (30) ว่า พบการทำเอกสารและการลงบัญชีที่ "ไม่เหมาะสม" ในบางธุรกรรม รวมถึงความล่าช้าในการส่งรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสุดท้าย หลังผัดผ่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่บรรดาผู้คุมกฎ ซึ่งรวมถึงอิเลียต สปิตเซอร์ อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (เอสอีซี) กำลังสืบสวนว่า เอไอจีใช้สิ่งที่เรียกว่า "การประกันภัยต่อที่มีความเสี่ยงแน่นอน" ครอบงำรายงานทางการเงินหรือไม่
ทั้งนี้บรรดาผู้คุมกฎสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปที่ข้อตกลงการประกันภัยต่อเมื่อปี 2000-2001 ระหว่างเอไอจีกับเจเนอรัล รี บริษัทในเครือเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ ของพ่อมดทางการเงินวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งเชื่อกันว่าเอไอจีดำเนินการทางบัญชีอย่างไม่เหมาะสม
เอไอจียอมรับในแถลงการณ์ว่า "การทำเอกสารในธุรกรรมระหว่างเอไอจีกับเจเนอรัล รี ไม่เหมาะสม และเนื่องจากขาดหลักฐานเรื่องการโอนความเสี่ยง ธุรกรรมดังกล่าวจึงไม่ควรถูกบันทึกว่าเป็นการประกันภัย" พร้อมระบุว่า การทำบัญชีใหม่จะมีผลกระทบต่อสภาพทางการเงินของตนเพียงเล็กน้อย แต่อาจลดกำไรสะสมและค่าใช้จ่ายลง 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เพิ่มหนี้สินขึ้น 245 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เอไอจีเคยระบุเมื่อต้นปีว่าจะส่งรายงานผลประกอบการภายในวันที่ 31 มีนาคม อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอไอจีหวังว่า จะสามารถยื่นรายงานดังกล่าวได้ภายในวันที่ 30 เมษายน พร้อมกล่าวว่า ความล่าช้าจะช่วยให้บริษัทและทีมบริหารใหม่ "มีเวลาทบทวนรายงานและบันทึกได้อย่างสมบูรณ์"
กระนั้นก็ดี ในวันเดียวกัน สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส สถาบันจัดอันดับชื่อดังของโลก ประกาศปรับลดอันดับหนี้ระยะยาวของเอไอจีจากระดับ "AAA" เป็น "AA+" ทั้งนี้เกรซ ออสบอร์น นักวิเคราะห์จากเอสแอนด์พีกล่าวว่า "จำนวนและขอบเขตของธุรกรรมทางการเงินที่ไม่เหมาะสม เป็นปัจจัยที่ลดการประเมินเรื่องการบริหาร การควบคุมภายใน บรรษัทภิบาล และวัฒนธรรมองค์กร"
ด้านพอล นิวซัม นักวิเคราะห์จากเอจี เอ็ดเวิร์ดส์ ระบุว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือนี้อาจทำให้การดำเนินธุรกิจของเอไอจีมีต้นทุนแพงขึ้น
การเปิดเผยของอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงค์ (เอไอจี) ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดมูลค่าทางบัญชีลง 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2% เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากมาริซ "แฮงก์" กรีนเบิร์ก ประธานกรรมการของบริษัทประกาศลาออกหลังจากอยู่ในตำแหน่งมาเกือบ 40 ปี
เอไอจียอมรับเมื่อวันพุธ (30) ว่า พบการทำเอกสารและการลงบัญชีที่ "ไม่เหมาะสม" ในบางธุรกรรม รวมถึงความล่าช้าในการส่งรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสุดท้าย หลังผัดผ่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่บรรดาผู้คุมกฎ ซึ่งรวมถึงอิเลียต สปิตเซอร์ อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (เอสอีซี) กำลังสืบสวนว่า เอไอจีใช้สิ่งที่เรียกว่า "การประกันภัยต่อที่มีความเสี่ยงแน่นอน" ครอบงำรายงานทางการเงินหรือไม่
ทั้งนี้บรรดาผู้คุมกฎสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปที่ข้อตกลงการประกันภัยต่อเมื่อปี 2000-2001 ระหว่างเอไอจีกับเจเนอรัล รี บริษัทในเครือเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ ของพ่อมดทางการเงินวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งเชื่อกันว่าเอไอจีดำเนินการทางบัญชีอย่างไม่เหมาะสม
เอไอจียอมรับในแถลงการณ์ว่า "การทำเอกสารในธุรกรรมระหว่างเอไอจีกับเจเนอรัล รี ไม่เหมาะสม และเนื่องจากขาดหลักฐานเรื่องการโอนความเสี่ยง ธุรกรรมดังกล่าวจึงไม่ควรถูกบันทึกว่าเป็นการประกันภัย" พร้อมระบุว่า การทำบัญชีใหม่จะมีผลกระทบต่อสภาพทางการเงินของตนเพียงเล็กน้อย แต่อาจลดกำไรสะสมและค่าใช้จ่ายลง 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เพิ่มหนี้สินขึ้น 245 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เอไอจีเคยระบุเมื่อต้นปีว่าจะส่งรายงานผลประกอบการภายในวันที่ 31 มีนาคม อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอไอจีหวังว่า จะสามารถยื่นรายงานดังกล่าวได้ภายในวันที่ 30 เมษายน พร้อมกล่าวว่า ความล่าช้าจะช่วยให้บริษัทและทีมบริหารใหม่ "มีเวลาทบทวนรายงานและบันทึกได้อย่างสมบูรณ์"
กระนั้นก็ดี ในวันเดียวกัน สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส สถาบันจัดอันดับชื่อดังของโลก ประกาศปรับลดอันดับหนี้ระยะยาวของเอไอจีจากระดับ "AAA" เป็น "AA+" ทั้งนี้เกรซ ออสบอร์น นักวิเคราะห์จากเอสแอนด์พีกล่าวว่า "จำนวนและขอบเขตของธุรกรรมทางการเงินที่ไม่เหมาะสม เป็นปัจจัยที่ลดการประเมินเรื่องการบริหาร การควบคุมภายใน บรรษัทภิบาล และวัฒนธรรมองค์กร"
ด้านพอล นิวซัม นักวิเคราะห์จากเอจี เอ็ดเวิร์ดส์ ระบุว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือนี้อาจทำให้การดำเนินธุรกิจของเอไอจีมีต้นทุนแพงขึ้น