เอเอฟพี - เตือนแนวโน้มการเงินมอร์แกน สแตนเลย์อาจถูกกระทบหนักจากศึกประลองกำลังภายในองค์กร โดยล่าสุดวาณิชธนกิจชื่อดังเมืองลุงแซมต้องสูญเสียผู้บริหารอาวุโสคนที่ 3 ในรอบหนึ่งสัปดาห์
วันพุธ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) สำนักจัดอันดับทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ ประกาศลดแนวโน้มของมอร์แกน สแตนเลย์ วาณิชธนกิจและโบรกเกอร์รายใหญ่ร่วมชาติ จากบวกเป็นคงที่ โดยอ้างอิงปัญหาความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นผู้นำภายในบริษัท
วันเดียวกัน กูรู รามกริสนัน หัวหน้าแผนกเทรดดิ้งภาคสถาบันทั่วโลกของมอร์แกน สแตนเลย์ ยื่นใบลาออก ถือเป็นผู้บริหารอาวุโสคนที่ 3 ที่อำลาบริษัทในรอบหนึ่งสัปดาห์
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มอดีตประธานกรรมการและประธานบริหาร 8 คนของมอร์แกน สแตนเลย์ ทำจดหมายโจมตีผลงานอันย่ำแย่ของบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยพุ่งเป้าที่ความล้มเหลวในการเป็นผู้นำของฟิลิป เพอร์เซลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ตลอดจนถึงปัญหาบรรษัทภิบาลภายในองค์กร
แม้ไม่ได้ขอให้ปลดเพอร์เซลล์ตรงๆ แต่เหล่าขุนพลเก่าเรียกร้องให้บอร์ดเปลี่ยนตัวผู้นำ และแก้ปัญหาบรรษัทภิบาล พร้อมย้ำว่า ผู้ที่จะมาแทนเพอร์เซลล์จำเป็นต้องมีประสบการณ์ และได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้บริหารอาวุโสของบริษัท กลุ่มผู้ต่อต้านยังเสนอพบปะเป็นการส่วนตัวกับคณะกรรมการอิสระ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและฟื้นฐานะผู้นำในวงการบริการการเงินของมอร์แกน สแตนเลย์
จดหมายโจมตีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากไวครัม แพนดิต และจอห์น ฮาเวนส์ ผู้บริหารอาวุโสในแผนกหลักทรัพย์ภาคสถาบัน ที่ประกาศลาออกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เดวิด โทรน นักวิเคราะห์ของฟ็อกซ์-พิตต์ เคลตัน มองว่าแม้ดูเหมือนเพอร์เซลล์ยังได้รับการสนับสนุนจากบอร์ด แต่ก็อาจถูกบีบให้ลาออกได้เหมือนกัน หากกระแสกดดันถาโถมหนักขึ้น
ดักลาส ซิปกิน นักวิเคราะห์ของวาโชเวีย สำทับว่า การสูญเสียมือดีหลายคน ซึ่งในที่สุดแล้วอาจย้ายไปอยู่กับบริษัทคู่แข่ง อาจหมายถึงการที่มอร์แกน สแตนเลย์ต้องสูญเสียลูกค้าไปด้วย นอกจากนั้น ปัญหาการประลองกำลังภายในจะยิ่งเพิ่มความกดดันในองค์กร
ทั้งนี้ กลุ่มที่ก่อกบฏในมอร์แกน สแตนเลย์คือ อดีตผู้บริหารจากฟากวาณิชธนกิจ ส่วนฝ่ายตั้งรับคือ เพอร์เซลล์ และผู้บริหารจากดีน วิตเตอร์ ดิสคัฟเวอร์ ที่เข้าซื้อมอร์แกน สแตนเลย์เมื่อปี 1997 โดยโทรนมองว่า ความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น อาจกระตุ้นให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจแยกดิสคัฟเวอร์ออกไป เพื่อลดกระแสต่อต้าน
วันพุธ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) สำนักจัดอันดับทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ ประกาศลดแนวโน้มของมอร์แกน สแตนเลย์ วาณิชธนกิจและโบรกเกอร์รายใหญ่ร่วมชาติ จากบวกเป็นคงที่ โดยอ้างอิงปัญหาความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นผู้นำภายในบริษัท
วันเดียวกัน กูรู รามกริสนัน หัวหน้าแผนกเทรดดิ้งภาคสถาบันทั่วโลกของมอร์แกน สแตนเลย์ ยื่นใบลาออก ถือเป็นผู้บริหารอาวุโสคนที่ 3 ที่อำลาบริษัทในรอบหนึ่งสัปดาห์
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มอดีตประธานกรรมการและประธานบริหาร 8 คนของมอร์แกน สแตนเลย์ ทำจดหมายโจมตีผลงานอันย่ำแย่ของบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยพุ่งเป้าที่ความล้มเหลวในการเป็นผู้นำของฟิลิป เพอร์เซลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ตลอดจนถึงปัญหาบรรษัทภิบาลภายในองค์กร
แม้ไม่ได้ขอให้ปลดเพอร์เซลล์ตรงๆ แต่เหล่าขุนพลเก่าเรียกร้องให้บอร์ดเปลี่ยนตัวผู้นำ และแก้ปัญหาบรรษัทภิบาล พร้อมย้ำว่า ผู้ที่จะมาแทนเพอร์เซลล์จำเป็นต้องมีประสบการณ์ และได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้บริหารอาวุโสของบริษัท กลุ่มผู้ต่อต้านยังเสนอพบปะเป็นการส่วนตัวกับคณะกรรมการอิสระ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและฟื้นฐานะผู้นำในวงการบริการการเงินของมอร์แกน สแตนเลย์
จดหมายโจมตีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากไวครัม แพนดิต และจอห์น ฮาเวนส์ ผู้บริหารอาวุโสในแผนกหลักทรัพย์ภาคสถาบัน ที่ประกาศลาออกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เดวิด โทรน นักวิเคราะห์ของฟ็อกซ์-พิตต์ เคลตัน มองว่าแม้ดูเหมือนเพอร์เซลล์ยังได้รับการสนับสนุนจากบอร์ด แต่ก็อาจถูกบีบให้ลาออกได้เหมือนกัน หากกระแสกดดันถาโถมหนักขึ้น
ดักลาส ซิปกิน นักวิเคราะห์ของวาโชเวีย สำทับว่า การสูญเสียมือดีหลายคน ซึ่งในที่สุดแล้วอาจย้ายไปอยู่กับบริษัทคู่แข่ง อาจหมายถึงการที่มอร์แกน สแตนเลย์ต้องสูญเสียลูกค้าไปด้วย นอกจากนั้น ปัญหาการประลองกำลังภายในจะยิ่งเพิ่มความกดดันในองค์กร
ทั้งนี้ กลุ่มที่ก่อกบฏในมอร์แกน สแตนเลย์คือ อดีตผู้บริหารจากฟากวาณิชธนกิจ ส่วนฝ่ายตั้งรับคือ เพอร์เซลล์ และผู้บริหารจากดีน วิตเตอร์ ดิสคัฟเวอร์ ที่เข้าซื้อมอร์แกน สแตนเลย์เมื่อปี 1997 โดยโทรนมองว่า ความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น อาจกระตุ้นให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจแยกดิสคัฟเวอร์ออกไป เพื่อลดกระแสต่อต้าน