เอเอฟพี/Agencies - มาริซ "แฮงก์" กรีนเบิร์ก อำลาตำแหน่งซีอีโอบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ของโลก เอไอจี ตามแผนถ่ายโอนการบริหาร แต่แหล่งข่าววงในแย้ม การปรับเปลี่ยนครั้งนี้อาจสืบเนื่องจากการที่บริษัทตกเป็นเป้าหมายการสอบสวนมากมาย โดยบางเคสมีกรีนเบิร์กพัวพันอยู่ด้วย
อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) บริษัทประกันภัยที่ครองตำแหน่งผู้เล่นรายใหญ่สุดในโลกมาเกือบ 4 ทศวรรษ ออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันจันทร์ ระบุว่ากรีนเบิร์กจะออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และกรรมการผู้จัดการ โดยมีมาร์ติน ซัลลิแวน รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการร่วมชาวอังกฤษ รับผิดชอบแทนทั้งสองเก้าอี้
กรีนเบิร์กจะอยู่กับเอไอจีต่อในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ไม่ได้ระบุขอบข่ายความรับผิดชอบไว้ชัดเจน
เอไอจีประกาศว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของแผนถ่ายโอนการบริหาร พร้อมยกย่องว่าการอุทิศตนของกรีนเบิร์ก ทำให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างมาก
"ทว่า คณะกรรมการบริหารได้ข้อสรุปว่า ขณะนี้ ถึงเวลาแล้วที่บริษัทจะมีผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพนักงาน"
ตามแผนการนี้ โดนัลด์ คานัค อดีตรองประธานกรรมการ ได้รับเลือกเป็นรองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รับผิดชอบธุรกิจในเอเชีย ส่วนสตีเฟน เบนซิงเกอร์ เลื่อนเป็นรองกรรมการผู้จัดการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน แทนโฮเวิร์ด สมิธ ที่ลาออกไป
เอไอจีมีพนักงานทั้งสิ้นกว่า 92,000 คนในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และเชื่อกันว่าธุรกิจของบริษัทมีมูลค่าเกิน 166,000 ล้านดอลลาร์ภายใต้มูลค่าตลาดปัจจุบัน เอไอจียังอ้างว่า มีเครือข่ายประกันชีวิตและประกันภัยทรัพย์สินกว้างขวางที่สุดของโลก
ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวถือเป็นผลงานของกรีนเบิร์ก โดยนับจากเข้ารับตำหน่งซีอีโอในปี 1967 เขาทำให้สินทรัพย์ของเอไอจีเพิ่มขึ้นเกินพันเท่า ผลักดันการซื้อกิจการรวมมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ และเข้าถึงลูกค้า 50 ล้านคนทั่วโลก ทั้งยังทำให้เอไอจีมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 15% จากช่วงเวลา 8 ใน 10 ปีล่าสุด
ทศวรรษ 1970 กรีนเบิร์กเปิดแผนกใหม่เน้นผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน อาทิ การประกันภัยการถูกลักพาตัว-เรียกค่าไถ่ การเสี่ยงภัยทางธุรกิจ ส่งให้เอไอจีกลายเป็นบริษัทประกันภัยที่ให้บริการเกือบครอบคลุมทุกด้านในราคาที่เหมาะสม
อดีตซีอีโอวัย 79 ปีผู้นี้ ที่นำเอไอจีขยายตัวสู่ญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออก และแอฟริกา ยังพาบริษัทกลับสู่จีน ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัทเร็วๆ นี้
กระนั้นก็ตาม มาระยะหลังเอไอจีกลับต้องเผชิญมรสุมหนัก ท่ามกลางข่าวว่าเอลเลียต สปิตเซอร์ อัยการใหญ่รัฐนิวยอร์ก และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) กำลังเข้าตรวจสอบธุรกรรมบางรายการที่อาจทำให้รายงานภาวะการเงินของเอไอจีบิดเบือน
แถลงการณ์ของเอไอจียังประกาศเลื่อนการแถลงรายงานประจำปี 2004 ออกไปก่อน จากกำหนดเดิมในวันนี้ (16) โดยอ้างว่าบริษัทกำลังปรับเปลี่ยนการบริหาร และตรวจสอบบัญชีภายใน พร้อมกันนี้ ซัลลิแวน ซีอีโอคนใหม่วัย 50 ปี ซึ่งเริ่มงานกับแผนกการเงินของบริษัทในเครือในอังกฤษ ยืนยันกับนักลงทุนว่า ธุรกิจและโครงสร้างการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่ง และบริษัทให้ความร่วมมืออย่างดีกับเจ้าหน้าที่สอบสวน
ทั้งนี้ การลาออกของกรีนเบิร์กถือเป็นการยกเครื่องการบริหารครั้งใหญ่ที่สุด นับจากสปิตเซอร์เปิดการสอบสวนกรณีฉ้อฉลในวงการประกันภัยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
เดือนถัดมา หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า กรีนเบิร์กตกเป็นเป้าหมายการสอบสวนของทางการ เรื่องการปั่นราคาหุ้นเอไอจีเมื่อปี 2001 ซึ่งในที่สุด บริษัทตกลงจ่ายค่ายอมความให้กระทรวงยุติธรรมและเอสอีซีรวม 126 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการตรวจสอบ
แหล่งข่าววงในเผยว่า ขณะนี้ สปิตเซอร์กำลังตรวจสอบข้อตกลงเมื่อ 4 ปีก่อนระหว่างเอไอจีกับเจเนอรัล รีอินชัวรันซ์ บริษัทประกันภัยต่อในเครือเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนชื่อดัง เนื่องจากสงสัยว่ากรีนเบิร์กอาจเป็นผู้ผลักดันข้อตกลงนี้ เพื่อเสริมสถานะทุนสำรองของเอไอจี
อนึ่ง เดือนที่ผ่านมา สปิตเซอร์และเอสอีซีส่งหมายเรียกเอไอจี เพื่อให้ข้อมูลกรณีที่สงสัยว่า บริษัทคบคิดกับเหล่านายหน้าค้าประกันฮั้วราคา และปกปิดค่าธรรมเนียม ขณะที่ตัวกรีนเบิร์กเองก็ได้รับหมายเรียกจากอัยการใหญ่นิวยอร์กไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรพ์ "ไม่ปกติ" และระบบการคิดบัญชีการทำธุรกรรมประกันภัยต่อของเอไอจี
อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) บริษัทประกันภัยที่ครองตำแหน่งผู้เล่นรายใหญ่สุดในโลกมาเกือบ 4 ทศวรรษ ออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันจันทร์ ระบุว่ากรีนเบิร์กจะออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และกรรมการผู้จัดการ โดยมีมาร์ติน ซัลลิแวน รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการร่วมชาวอังกฤษ รับผิดชอบแทนทั้งสองเก้าอี้
กรีนเบิร์กจะอยู่กับเอไอจีต่อในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ไม่ได้ระบุขอบข่ายความรับผิดชอบไว้ชัดเจน
เอไอจีประกาศว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของแผนถ่ายโอนการบริหาร พร้อมยกย่องว่าการอุทิศตนของกรีนเบิร์ก ทำให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างมาก
"ทว่า คณะกรรมการบริหารได้ข้อสรุปว่า ขณะนี้ ถึงเวลาแล้วที่บริษัทจะมีผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพนักงาน"
ตามแผนการนี้ โดนัลด์ คานัค อดีตรองประธานกรรมการ ได้รับเลือกเป็นรองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รับผิดชอบธุรกิจในเอเชีย ส่วนสตีเฟน เบนซิงเกอร์ เลื่อนเป็นรองกรรมการผู้จัดการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน แทนโฮเวิร์ด สมิธ ที่ลาออกไป
เอไอจีมีพนักงานทั้งสิ้นกว่า 92,000 คนในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และเชื่อกันว่าธุรกิจของบริษัทมีมูลค่าเกิน 166,000 ล้านดอลลาร์ภายใต้มูลค่าตลาดปัจจุบัน เอไอจียังอ้างว่า มีเครือข่ายประกันชีวิตและประกันภัยทรัพย์สินกว้างขวางที่สุดของโลก
ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวถือเป็นผลงานของกรีนเบิร์ก โดยนับจากเข้ารับตำหน่งซีอีโอในปี 1967 เขาทำให้สินทรัพย์ของเอไอจีเพิ่มขึ้นเกินพันเท่า ผลักดันการซื้อกิจการรวมมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ และเข้าถึงลูกค้า 50 ล้านคนทั่วโลก ทั้งยังทำให้เอไอจีมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 15% จากช่วงเวลา 8 ใน 10 ปีล่าสุด
ทศวรรษ 1970 กรีนเบิร์กเปิดแผนกใหม่เน้นผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน อาทิ การประกันภัยการถูกลักพาตัว-เรียกค่าไถ่ การเสี่ยงภัยทางธุรกิจ ส่งให้เอไอจีกลายเป็นบริษัทประกันภัยที่ให้บริการเกือบครอบคลุมทุกด้านในราคาที่เหมาะสม
อดีตซีอีโอวัย 79 ปีผู้นี้ ที่นำเอไอจีขยายตัวสู่ญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออก และแอฟริกา ยังพาบริษัทกลับสู่จีน ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัทเร็วๆ นี้
กระนั้นก็ตาม มาระยะหลังเอไอจีกลับต้องเผชิญมรสุมหนัก ท่ามกลางข่าวว่าเอลเลียต สปิตเซอร์ อัยการใหญ่รัฐนิวยอร์ก และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) กำลังเข้าตรวจสอบธุรกรรมบางรายการที่อาจทำให้รายงานภาวะการเงินของเอไอจีบิดเบือน
แถลงการณ์ของเอไอจียังประกาศเลื่อนการแถลงรายงานประจำปี 2004 ออกไปก่อน จากกำหนดเดิมในวันนี้ (16) โดยอ้างว่าบริษัทกำลังปรับเปลี่ยนการบริหาร และตรวจสอบบัญชีภายใน พร้อมกันนี้ ซัลลิแวน ซีอีโอคนใหม่วัย 50 ปี ซึ่งเริ่มงานกับแผนกการเงินของบริษัทในเครือในอังกฤษ ยืนยันกับนักลงทุนว่า ธุรกิจและโครงสร้างการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่ง และบริษัทให้ความร่วมมืออย่างดีกับเจ้าหน้าที่สอบสวน
ทั้งนี้ การลาออกของกรีนเบิร์กถือเป็นการยกเครื่องการบริหารครั้งใหญ่ที่สุด นับจากสปิตเซอร์เปิดการสอบสวนกรณีฉ้อฉลในวงการประกันภัยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
เดือนถัดมา หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า กรีนเบิร์กตกเป็นเป้าหมายการสอบสวนของทางการ เรื่องการปั่นราคาหุ้นเอไอจีเมื่อปี 2001 ซึ่งในที่สุด บริษัทตกลงจ่ายค่ายอมความให้กระทรวงยุติธรรมและเอสอีซีรวม 126 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการตรวจสอบ
แหล่งข่าววงในเผยว่า ขณะนี้ สปิตเซอร์กำลังตรวจสอบข้อตกลงเมื่อ 4 ปีก่อนระหว่างเอไอจีกับเจเนอรัล รีอินชัวรันซ์ บริษัทประกันภัยต่อในเครือเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนชื่อดัง เนื่องจากสงสัยว่ากรีนเบิร์กอาจเป็นผู้ผลักดันข้อตกลงนี้ เพื่อเสริมสถานะทุนสำรองของเอไอจี
อนึ่ง เดือนที่ผ่านมา สปิตเซอร์และเอสอีซีส่งหมายเรียกเอไอจี เพื่อให้ข้อมูลกรณีที่สงสัยว่า บริษัทคบคิดกับเหล่านายหน้าค้าประกันฮั้วราคา และปกปิดค่าธรรมเนียม ขณะที่ตัวกรีนเบิร์กเองก็ได้รับหมายเรียกจากอัยการใหญ่นิวยอร์กไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรพ์ "ไม่ปกติ" และระบบการคิดบัญชีการทำธุรกรรมประกันภัยต่อของเอไอจี