กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะหารือร่วมกับกระทรวงกลาโหมในแนวทางจัดทำฝนเทียมสู้ภัยแล้งในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) ระบุขณะนี้ได้ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นหากความชื้นเหมาะสมก็จะจัดทำฝนเทียมทันที ส่วนปริมาณน้ำในแหล่งเก็บทั่วประเทศ ยังมีเพียงพอในการอุปโภคบริโภคจนถึงปลาย เม.ย.ที่คาดว่า ฝนจะเริ่มตกอีกครั้ง
นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะหารือร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อกำหนดรายละเอียดอย่างเป็นทางการในการจัดทำฝนเทียม รวมถึงวงเงินงบประมาณที่จะใช้เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในขณะนี้ โดยเฉพาะการขอยืมเครื่องบิน C 130 จำนวน 2 ลำของกองทัพอากาศ เพื่อมาใช้ทำฝนเทียมแทนเครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากเป็นเครื่องบินที่สามารถบรรทุกสารเคมีได้ถึงลำละ 60 ตัน ทำให้เกิดความคุ้มค่าและมีสารเคมีเพียงพอในการจัดทำฝนเทียมแต่ละครั้ง โดยขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น หากความชื้นเหมาะสมประมาณร้อยละ 60 ก็จะจัดทำฝนเทียมได้ทันที
สำหรับปริมาณน้ำที่เหลือในแหล่งเก็บน้ำลำห้วยเฉลี่ยทั่วประเทศขณะนี้มีรวมกันประมาณร้อยละ 10 ซึ่งน่าจะเพียงพอกับการใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคจนถึงปลายเดือนเมษายนที่คาดว่า จะเริ่มมีฝนตกลงมา ในขณะที่การจัดหาน้ำเพื่อทำการเกษตรนั้น ในฤดูแล้ง 8 เดือนจำเป็นต้องมีปริมาณน้ำสำรองมากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งการทำฝนเทียมขณะนี้แม้จะไม่สามารถทำให้มีน้ำเพียงพอ แต่จะทำให้ผิวดินชุ่มชื่นรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง
นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะหารือร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อกำหนดรายละเอียดอย่างเป็นทางการในการจัดทำฝนเทียม รวมถึงวงเงินงบประมาณที่จะใช้เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในขณะนี้ โดยเฉพาะการขอยืมเครื่องบิน C 130 จำนวน 2 ลำของกองทัพอากาศ เพื่อมาใช้ทำฝนเทียมแทนเครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากเป็นเครื่องบินที่สามารถบรรทุกสารเคมีได้ถึงลำละ 60 ตัน ทำให้เกิดความคุ้มค่าและมีสารเคมีเพียงพอในการจัดทำฝนเทียมแต่ละครั้ง โดยขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น หากความชื้นเหมาะสมประมาณร้อยละ 60 ก็จะจัดทำฝนเทียมได้ทันที
สำหรับปริมาณน้ำที่เหลือในแหล่งเก็บน้ำลำห้วยเฉลี่ยทั่วประเทศขณะนี้มีรวมกันประมาณร้อยละ 10 ซึ่งน่าจะเพียงพอกับการใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคจนถึงปลายเดือนเมษายนที่คาดว่า จะเริ่มมีฝนตกลงมา ในขณะที่การจัดหาน้ำเพื่อทำการเกษตรนั้น ในฤดูแล้ง 8 เดือนจำเป็นต้องมีปริมาณน้ำสำรองมากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งการทำฝนเทียมขณะนี้แม้จะไม่สามารถทำให้มีน้ำเพียงพอ แต่จะทำให้ผิวดินชุ่มชื่นรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง