xs
xsm
sm
md
lg

แมงป่องทุ่ม800ล้านกว้านซื้อลิขสิทธิ์หนัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แมงป่องจัดระเบียบกลยุทธ์ปราบหนังเถื่อน งัดเกมเอาต์ซอร์สให้มืออาชีพจัดการแทน แบ่งพื้นที่เป็นภาค เผยแผนลงทุนปีนี้ทุ่มงบกว่า 800 ล้านบาท ลุยซื้อลิขสิทธิ์หนัง กว้านเข้ามาอยู่ในมือครองตลาดลิขสิทธิ์กว่า 60% ผุดเมกะสโตร์ดึงคาเฟ่ดีโอโร่ พร้อมเจรจาบีทูเอส ซีเอ็ดเข้ามาเปิดร้านหนังสือ เปิดแวร์เฮ้าส์ใหม่ย่านลาดพร้าว ขยายสาขาเพิ่มอีก 50 จุด ชี้ปีที่แล้วกำไรลดฮวบ เหลือ 100 ล้าน เหตุค่าลิขสิทธิ์พุ่ง ไร้หนังค่ายเสี่ยเจียง

นางสาวกิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมงป่อง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์ใหม่กับการรับมือหนังแผ่นเถื่อนหรือหนังผีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยจะทำการเอาต์ซอร์สในส่วนของการปราบปรามและการติดตามนี้ออกไปให้กับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ โดยจะแยกตามพื้นที่ต่างๆ เป็นแต่ละภาคคือ เหนือ กลาง ใต้ อีสาน ตะวันออก เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าภายในเร็วๆ นี้จะสามารถสรุปรูปแบบการดำเนินงานได้ จากเดิมที่บริษัทฯทำเอง

เนื่องจากปัจจุบันหนังแผ่นผีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ยังมีอยู่ในท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 30-40% ซึ่งก็ถือว่าสูงมาก จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งแมงป่องเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 1,500 กว่าล้านบาท หนังผีส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรแทบทุกบริษัทไม่ใช่เฉพาะแค่เรา

ปีนี้แมงป่องจะขยายธุรกิจต่อเนื่องรองรับการเติบโตของตลาด โดยพิจารณาจาก เครื่องเล่นดีวีดี วีซีดี ที่มีในท้องตลาดเวลานี้กว่า 8 ล้านเครื่อง คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10 ล้านเครื่องในสิ้นปีนี้ หรือโต 23% ดังนั้นบริษัทฯตั้งเป้าเติบโตประมาณ 25% ใกล้เคียงกัน เพราะถ้าเครื่องเล่นเติบโตย่อมส่งผลดีต่อเนื่องกับแผ่นซอฟต์แวร์อยู่แล้ว

แผนการดำเนินงานในปีนี้เตรียมที่จะเปิดศูนย์ค้าส่งหรือแวร์เฮ้าส์ใกล้กับศูนย์การค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว มีพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร เพื่อใช้เป็นศูนย์ขายขาดสินค้าและแหล่งระบายสต๊อกที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นศูนย์วันสต๊อปชอปปิ้งให้กับผู้ที่สนใจในการทำธุรกิจนี้ที่จะมาซื้อสินค้าหนังได้รวมทั้งการให้คำปรึกษาเปิดร้าน การออกแบบ เป็นต้น จะมีหนังลิขสิทธิ์ของทุกค่ายที่แมงป่องทำตลาดอยู่ ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะทำตลาดเฉพาะการขายขาดเท่านั้น ส่วนบรรดาศูนย์เช่านั้นแมงป่องได้มอบลิขสิทธิ์ให้กับบริษัท แฮปปี้โฮมฯกับบริษัท ตรีอมร รับผิดชอบไปแล้ว

นอกจากนั้นยังมีร้านแมงป่องเมกะสโตร์ พื้นที่ 500 ตารางเมตรใหญ่ที่สุด จากปรกติร้านแมงป่องมีพื้นที่เฉลี่ย 30-250 ตารางเมตร ซึ่งร้านนี้จะเพิ่มร้านกาแฟอยู่ระหว่างเจรจาให้ร้านคาเฟ่ดีโอโร่มาเปิด และจะมีร้านหนังสืออยู่ระหว่างเจรจากับบีทูเอสและซีเอ็ด ลงทุนรวมกว่า 12 ล้านบาท คาดว่าในเร็วๆ นี้จะสรุปการเจรจาได้

สำหรับผลประกอบการของปี 2547 มีรายได้ประมาณ 1,546 ล้านบาท กำไร 100 ล้านบาท ลดลง 58% ขณะที่ ปี 2546 มีรายได้ 1,450 ล้านบาท มีกำไร 240 ล้านบาท ส่วนปี 2548 คาดว่าจะเติบโต 25% สาเหตุที่ปี 47 กำไรลดลงเพราะมีหนังออกมาน้อยแค่ 200 เรื่อง และมีลิขสิทธิ์น้อยไม่มีของค่ายสหมงคลฟิล์ม อีกทั้งต้นทุนลิขสิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย แต่ปี 46 มีประมาณ 500 เรื่อง และปี 48 จะมีรายได้ที่มาจากลิขสิทธิ์ของสหมงคลฟิล์มกลับมา ซึ่งปีนี้สหมงคลฟิล์มจะมีหนังให้เราออกตลาด เดือนละ 11 เรื่อง (แบ่งเป็น ไทย 1 เรื่อง หนังต่างประเทศผ่านโรง 5 เรื่อง ไม่ผ่านโรง 5 เรื่อง) รวมทั้งหน้าหนังของค่ายอื่นๆ ก็เป็นหนังน่าติดตามด้วย รวมมีหนังออก 300 เรื่องในปีนี้

“ตอนนี้เราเป็นผู้นำตลาดด้วยการถือครองลิขสิทธิ์หนังกว่า 60% จากตลาดรวม ปีนี้ทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์หนังทั้งหมดทุกค่ายรวมแล้วกว่า 700 ล้านบาท เฉพาะของค่ายสหมงคลฟิล์มใช้ถึง 400 ล้านบาท แต่ปีที่แล้วใช้ซื้อลิขสิทธิ์โดยรวมเพียง 400 ล้านบาท นอกนั้นจะลงทุนอีก 100 ล้านบาทเปิดสาขาเพิ่มอีก 50 จุด จากปีที่แล้วใช้ไป 100 ล้านบาท จากเดิมมี 250 สาขา และตั้งเป้าภายในปี 2550 จะมีสาขาครบ 500 จุด เรายังมีช่องทางอื่นอีกมากในการจัดจำหน่ายเช่น ผ่านร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศ ร้านบีทูเอส บิ๊กซี แม็คโคร คาร์ฟูร์ โลตัสเอ็กซ์เพรส เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกพื้นที่” นางกิตติ์ยาใจกล่าว

ขณะเดียวกันจะเพิ่มยี่ปั๊วซาปั๊วอีก 100 ราย จากเดิมที่มีประมาณ 300 รายทั่วประเทศ ที่เป็นการขายขาดซึ่งเป็นรายได้หลัก ขณะที่รายได้เสริมอย่างอื่นเช่น รายได้จากการเช่ามีเพียง 3% จากรายได้รวม ส่วนแม็กซ์มิวสิคปีนี้จะขยายช่องทางไปยังร้านพันธมิตรอื่นจากเดิมขายเฉพาะในร้านแมงป่องเท่านั้น และจะออกอีก 100 อัลบั้ม
กำลังโหลดความคิดเห็น