โดย ถนอม พิพิธยากร
บิ๊กบอสส์กลุ่มธุรกิจแสนล้าน ซีพี-เจียไต๋ “เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์” เผยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เน้นหัวใจหลักของกลุ่ม คือการพัฒนา-ให้ความสำคัญกับ “คน” ในองค์กร เพราะทุกอย่าง เกิดจาก “คน” ด้วยความเชื่อว่า “คนพิมพ์เงินได้”
เจ้าสัววางเป้าหมายธุรกิจของเครือฯ ใช้ชื่อ “เจียไต๋” ขยายทั่วจีน รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร ที่ทุกปากท้องต้องกิน เน้นขยายการผลิต-ขายมอเตอร์ไซค์ในแดนมังกรให้ได้ 5 ล้านคัน ภายใน 5 ปีข้างหน้า และหาโอกาสขยายสู่ธุรกิจผลิต-ขายรถยนต์ ระยะยาว โดยไม่กลัวการแข่งขันที่สูงมากในจีน เพราะมีตลาดขนาดมหึมา
เจ้าสัวธนินทร์เล่าถึงดำเนินธุรกิจของกลุ่มซีพีในจีน ซึ่งใช้ชื่อดั้งเดิมว่า “เจียไต๋” ว่าการทำธุรกิจในจีน ต้องยึดพื้นที่หลัก ๆ เป็นสำคัญ เพื่อแปลงให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะหลังจากที่แผ่นดินใหญ่เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO-World Trade Organization) ทำให้จีน ต้องเปิดตลาดให้สินค้า-บริการจากต่างประเทศ โดยต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจทั้ง 100% หลั่งไหลสู่ผืนแผ่นดินที่มีประชากรมหาศาลกว่า 1.3 พันล้านคนแห่งนี้
ขณะที่หากประชากรจีน มีคนร่ำรวยอยู่เพียง 20% ของประชากรทั้งหมด ก็จะมีขนาดผู้บริโภคกำลังซื้อสูงเทียบเท่าชาวอเมริกันในปัจจุบัน ที่มีประชากรทั้งหมดเพียงประมาณ 200 ล้านคน ขณะที่หลายฝ่ายคาด เศรษฐกิจจีน จะเติบโตทันเศรษฐกิจลุงแซม ภายในอีกไม่เกิน 15 ปีข้างหน้า หลังจากนั้น จะแซงหน้าเศรษฐกิจ-ตลาดใหญ่ที่สุดของโลก จากทวีปอเมริกาเหนือ แน่นอน
“เราไม่เคยกลัวการแข่งขันที่สูงในจีน เพราะตลาดจีน เป็นตลาดขนาดใหญ่ มหาศาล ยังมีช่องว่างให้ทำธุรกิจได้อีกมาก” เจ้าสัวย้ำ
คนพิมพ์เงินได้
เจ้าสัวธนินทร์เชื่อว่าธุรกิจ โดยเฉพาะเครือซีพี-เจียไต๋ จะขยายตัวได้ อยู่ที่ “คน” “เราเชื่อว่าคนพิมพ์เงินได้” เจ้าสัวย้ำ จากประสบการณ์ของเครือกว่า 20 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าการทำธุรกิจของเครือ ที่ประสบความสำเร็จมาได้ทุกวันนี้ เพราะเครือมีคนเก่ง คนดี ร่วมงานด้วยมากมาย รวมถึงการที่เครือพยายามพัฒนาคน โดยผ่านการให้ทุนการศึกษาต่อเนื่อง ทั้งในไทย และต่างประเทศ
เขายกตัวอย่างซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ ที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ล้ำหน้า ขึ้นกับการเขียนโปรแกรมโดยคนทั้งนั้น คอมพิวเตอร์ไม่สามารถคิด-ทำเอง ได้ ถ้าไม่มีโปรแกรมซอฟท์แวร์ที่คนเป็นผู้เขียนขึ้น ซึ่งปัจจุบัน พนักงานในเครือซีพี-เจียไต๋ ทั่วโลกมีกว่าแสนคน
เจ้าสัวธนินทร์ยังยืนยันว่า นโยบายนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ที่กำลังเดินหน้าเปิดเขตการค้าเสรี (FTA-Free Trade Agreements) กับประเทศใหญ่ ๆ ทั่วโลก รวมถึง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย ฯลฯ จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมหาศาล
เขายังเห็นว่านายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นคนที่กล้าตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งเขายกย่องว่านายกรัฐมนตรีกล้าหาญมาก เพราะเป็นการต่อกรกับอาชญากร ที่มีเครือข่ายข้ามชาติ แต่เป็นผลดีกับลูกหลานไทยทั่วประเทศ
นโยบายพรรคไทยรักไทย ที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เดินมาถูกทาง ซึ่งเป็นผลให้นักลงทุนต่างชาติ-ไทย เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยมากขึ้นเห็นได้ชัด รวมถึงนโยบายแก้ปัญหาให้คนจนหมดไปจากแผ่นดินไทย เพราะหากแก้ปัญหานี้ได้ ทุกคนก็จะมีเงิน มีกำลังซื้อให้กับสิ่งจำเป็น-อำนวยความสะดวกในชีวิต ทำให้เศรษฐกิจ-สังคมไทยขยายตัวได้ยั่งยืน
เจ้าสัวยังแนะนำนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ แก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการทำให้คนไทยในภาคใต้ร่ำรวยขึ้น เพื่อให้คนเหล่านี้ รู้สึกรักชีวิต ไม่ใช่ต้องการสละชีวิต เพราะชีวิตนี้ ยากจน ไม่มีอะไรในชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งในที่สุด เขาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะแก้ปัญหาไฟใต้ได้ แม้จะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง
เจ้าสัวยังแนะนำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ควบคุมเงินเฟ้อของประเทศมากจนเกินไป เขาแนะว่า ธปท. ควรปล่อยให้เงินเฟ้อในไทยอยู่ในระดับประมาณ 5% โดยภาคธุรกิจ-รัฐบาล ต้องเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานประมาณ 5-7% เพื่อให้ทันกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
เพราะการปล่อยให้มีเงินเฟ้อบ้าง สะท้อนเศรษฐกิจกำลังขยายตัวต่อเนื่อง กำลังซื้อคนไทยทั่วไปจะเพิ่มขึ้น
บิ๊กบอสส์กลุ่มธุรกิจแสนล้าน ซีพี-เจียไต๋ “เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์” เผยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เน้นหัวใจหลักของกลุ่ม คือการพัฒนา-ให้ความสำคัญกับ “คน” ในองค์กร เพราะทุกอย่าง เกิดจาก “คน” ด้วยความเชื่อว่า “คนพิมพ์เงินได้”
เจ้าสัววางเป้าหมายธุรกิจของเครือฯ ใช้ชื่อ “เจียไต๋” ขยายทั่วจีน รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร ที่ทุกปากท้องต้องกิน เน้นขยายการผลิต-ขายมอเตอร์ไซค์ในแดนมังกรให้ได้ 5 ล้านคัน ภายใน 5 ปีข้างหน้า และหาโอกาสขยายสู่ธุรกิจผลิต-ขายรถยนต์ ระยะยาว โดยไม่กลัวการแข่งขันที่สูงมากในจีน เพราะมีตลาดขนาดมหึมา
เจ้าสัวธนินทร์เล่าถึงดำเนินธุรกิจของกลุ่มซีพีในจีน ซึ่งใช้ชื่อดั้งเดิมว่า “เจียไต๋” ว่าการทำธุรกิจในจีน ต้องยึดพื้นที่หลัก ๆ เป็นสำคัญ เพื่อแปลงให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะหลังจากที่แผ่นดินใหญ่เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO-World Trade Organization) ทำให้จีน ต้องเปิดตลาดให้สินค้า-บริการจากต่างประเทศ โดยต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจทั้ง 100% หลั่งไหลสู่ผืนแผ่นดินที่มีประชากรมหาศาลกว่า 1.3 พันล้านคนแห่งนี้
ขณะที่หากประชากรจีน มีคนร่ำรวยอยู่เพียง 20% ของประชากรทั้งหมด ก็จะมีขนาดผู้บริโภคกำลังซื้อสูงเทียบเท่าชาวอเมริกันในปัจจุบัน ที่มีประชากรทั้งหมดเพียงประมาณ 200 ล้านคน ขณะที่หลายฝ่ายคาด เศรษฐกิจจีน จะเติบโตทันเศรษฐกิจลุงแซม ภายในอีกไม่เกิน 15 ปีข้างหน้า หลังจากนั้น จะแซงหน้าเศรษฐกิจ-ตลาดใหญ่ที่สุดของโลก จากทวีปอเมริกาเหนือ แน่นอน
“เราไม่เคยกลัวการแข่งขันที่สูงในจีน เพราะตลาดจีน เป็นตลาดขนาดใหญ่ มหาศาล ยังมีช่องว่างให้ทำธุรกิจได้อีกมาก” เจ้าสัวย้ำ
คนพิมพ์เงินได้
เจ้าสัวธนินทร์เชื่อว่าธุรกิจ โดยเฉพาะเครือซีพี-เจียไต๋ จะขยายตัวได้ อยู่ที่ “คน” “เราเชื่อว่าคนพิมพ์เงินได้” เจ้าสัวย้ำ จากประสบการณ์ของเครือกว่า 20 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าการทำธุรกิจของเครือ ที่ประสบความสำเร็จมาได้ทุกวันนี้ เพราะเครือมีคนเก่ง คนดี ร่วมงานด้วยมากมาย รวมถึงการที่เครือพยายามพัฒนาคน โดยผ่านการให้ทุนการศึกษาต่อเนื่อง ทั้งในไทย และต่างประเทศ
เขายกตัวอย่างซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ ที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ล้ำหน้า ขึ้นกับการเขียนโปรแกรมโดยคนทั้งนั้น คอมพิวเตอร์ไม่สามารถคิด-ทำเอง ได้ ถ้าไม่มีโปรแกรมซอฟท์แวร์ที่คนเป็นผู้เขียนขึ้น ซึ่งปัจจุบัน พนักงานในเครือซีพี-เจียไต๋ ทั่วโลกมีกว่าแสนคน
เจ้าสัวธนินทร์ยังยืนยันว่า นโยบายนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ที่กำลังเดินหน้าเปิดเขตการค้าเสรี (FTA-Free Trade Agreements) กับประเทศใหญ่ ๆ ทั่วโลก รวมถึง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย ฯลฯ จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมหาศาล
เขายังเห็นว่านายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นคนที่กล้าตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งเขายกย่องว่านายกรัฐมนตรีกล้าหาญมาก เพราะเป็นการต่อกรกับอาชญากร ที่มีเครือข่ายข้ามชาติ แต่เป็นผลดีกับลูกหลานไทยทั่วประเทศ
นโยบายพรรคไทยรักไทย ที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เดินมาถูกทาง ซึ่งเป็นผลให้นักลงทุนต่างชาติ-ไทย เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยมากขึ้นเห็นได้ชัด รวมถึงนโยบายแก้ปัญหาให้คนจนหมดไปจากแผ่นดินไทย เพราะหากแก้ปัญหานี้ได้ ทุกคนก็จะมีเงิน มีกำลังซื้อให้กับสิ่งจำเป็น-อำนวยความสะดวกในชีวิต ทำให้เศรษฐกิจ-สังคมไทยขยายตัวได้ยั่งยืน
เจ้าสัวยังแนะนำนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ แก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการทำให้คนไทยในภาคใต้ร่ำรวยขึ้น เพื่อให้คนเหล่านี้ รู้สึกรักชีวิต ไม่ใช่ต้องการสละชีวิต เพราะชีวิตนี้ ยากจน ไม่มีอะไรในชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งในที่สุด เขาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะแก้ปัญหาไฟใต้ได้ แม้จะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง
เจ้าสัวยังแนะนำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ควบคุมเงินเฟ้อของประเทศมากจนเกินไป เขาแนะว่า ธปท. ควรปล่อยให้เงินเฟ้อในไทยอยู่ในระดับประมาณ 5% โดยภาคธุรกิจ-รัฐบาล ต้องเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานประมาณ 5-7% เพื่อให้ทันกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
เพราะการปล่อยให้มีเงินเฟ้อบ้าง สะท้อนเศรษฐกิจกำลังขยายตัวต่อเนื่อง กำลังซื้อคนไทยทั่วไปจะเพิ่มขึ้น