ยัมฯ มั่นใจดีเซลขึ้นราคาไม่กระทบกำลังซื้อผู้บริโภค ลุยตลาดพิซซ่าต่อเนื่อง พิซซ่า ฮัทเปิดคอนเซ็ปต์ หนึ่งในสยาม ดึงเอาความเป็นไทยมาสร้างเอกลักษณ์ ฉีกหนีคู่แข่ง ยกโขยงเมนูเป็นเซ็ต จากเดิมที่ออกเป็นเมนูเดี่ยว
นายปณิธาน เศรษฐบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอร์รองสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านพิซซ่าฮัทและเคเอฟซีในไทย เปิดเผยว่า การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลในขณะนี้คาดว่าคงไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคมากนัก ซึ่งการขนส่งของบริษัทฯ มีเพียงแค่ 2-3% ของทั้งระบบเท่านั้นเอง อีกทั้ง เป็นช่วงที่ใกล้ปิดเทอมพอดี แต่ถ้าหากขึ้นราคาช่วงเปิดเทอมจะกระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าช่วงปรกติ ซึ่งการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาในร้านพิซซ่าฮัทขณะนี้เพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาพอสมควร
สำหรับปีนี้พิซซ่าฮัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 4-5 สาขา ซึ่งอาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับแบรนด์เคเอฟซีที่จะเปิดประมาณ 20 สาขา โดยพิซซ่าฮัทลงทุนประมาณ 12-13 ล้านบาทต่อสาขาไม่นับรวมค่าที่ และจะเปิดกระจายไปทุกพื้นที่ทั้งกรุงเทพ ต่างจังหวัดและชานเมือง ปัจจุบันมีสาขา 75 แห่ง
นายปณิธานกล่าวต่อว่า แผนการตลาดปีนี้จะมีต่อเนื่อง จากการแข่งขันในตลาดพิซซ่าแม้จะมีอยู่เพียง 2 แบรนด์ใหญ่ โดยมีมูลค่าตลาดรวม 2,400 ล้านบาทก็ตาม ซึ่งล่าสุด ได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ หนึ่งในสยาม หรือ เบสต์ ออฟ สยาม (Best of Siam) เพื่อโยงใยไปถึงวัฒนธรรมอาหารของความเป็นไทยด้วย หลังจากที่ได้ทำการสำรวจวิจัยความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคมาเป็นอย่างดี
“ที่ผ่านมาลูกค้ามักเกิดความสับสนเนื่องจากแบรนด์ที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันนี้ ดูเหมือนจะมีความใกล้เคียงกันมากจนแยกแยะค่อนข้างยาก ในฐานะที่เราเป็นแบรนด์ระดับโลกมีเครือข่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เราจึงพัฒนาคอนเซ็ปต์ เบสต์ ออฟ สยาม ขึ้นมา โดยแทนที่จะเป็นเพียงเมนูใดเมนูหนึ่งเท่านั้น แต่ครั้งนี้เรานำเสนอเป็นเซ็ต ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของพิซซ่าฮัท” นายปณิธานกล่าว
ล่าสุด ได้เปิดตัวเมนูใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ดังกล่าวเป็นครั้งแรกรวม 5 เมนู คือ พิซซ่ากุ้งแม่น้ำชาววัง, สปาเก็ตตี้มัสยา, หมูย่างทรงเครื่อง, ชาเย็นสยาม, แมงโกสมูทตี้ส์ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ผสมผสานเอาความเป็นไทยมาเป็นแนวคิดหลักในการทำตลาดเพื่อให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น โดยทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาทสำหรับครั้งนี้ ด้วยสื่อผสมผสาน
การออกเมนูใหม่สำหรับคอนเซ็ปต์หนึ่งในสยามนี้คาดว่าจะมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในช่วงใกล้ซัมเมอร์ ส่วนเมนูใหม่ๆ ที่ไม่ใช่คอนเซ็ปต์นี้ก็จะมีออกมาต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในสยามนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี เพราะความโดดเด่นของเมนูและรสชาติที่พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัทฯ และมีนายชาลี อมาตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ให้คำปรึกษาด้วย
นายปณิธาน เศรษฐบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอร์รองสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านพิซซ่าฮัทและเคเอฟซีในไทย เปิดเผยว่า การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลในขณะนี้คาดว่าคงไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคมากนัก ซึ่งการขนส่งของบริษัทฯ มีเพียงแค่ 2-3% ของทั้งระบบเท่านั้นเอง อีกทั้ง เป็นช่วงที่ใกล้ปิดเทอมพอดี แต่ถ้าหากขึ้นราคาช่วงเปิดเทอมจะกระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าช่วงปรกติ ซึ่งการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาในร้านพิซซ่าฮัทขณะนี้เพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาพอสมควร
สำหรับปีนี้พิซซ่าฮัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 4-5 สาขา ซึ่งอาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับแบรนด์เคเอฟซีที่จะเปิดประมาณ 20 สาขา โดยพิซซ่าฮัทลงทุนประมาณ 12-13 ล้านบาทต่อสาขาไม่นับรวมค่าที่ และจะเปิดกระจายไปทุกพื้นที่ทั้งกรุงเทพ ต่างจังหวัดและชานเมือง ปัจจุบันมีสาขา 75 แห่ง
นายปณิธานกล่าวต่อว่า แผนการตลาดปีนี้จะมีต่อเนื่อง จากการแข่งขันในตลาดพิซซ่าแม้จะมีอยู่เพียง 2 แบรนด์ใหญ่ โดยมีมูลค่าตลาดรวม 2,400 ล้านบาทก็ตาม ซึ่งล่าสุด ได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ หนึ่งในสยาม หรือ เบสต์ ออฟ สยาม (Best of Siam) เพื่อโยงใยไปถึงวัฒนธรรมอาหารของความเป็นไทยด้วย หลังจากที่ได้ทำการสำรวจวิจัยความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคมาเป็นอย่างดี
“ที่ผ่านมาลูกค้ามักเกิดความสับสนเนื่องจากแบรนด์ที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันนี้ ดูเหมือนจะมีความใกล้เคียงกันมากจนแยกแยะค่อนข้างยาก ในฐานะที่เราเป็นแบรนด์ระดับโลกมีเครือข่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เราจึงพัฒนาคอนเซ็ปต์ เบสต์ ออฟ สยาม ขึ้นมา โดยแทนที่จะเป็นเพียงเมนูใดเมนูหนึ่งเท่านั้น แต่ครั้งนี้เรานำเสนอเป็นเซ็ต ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของพิซซ่าฮัท” นายปณิธานกล่าว
ล่าสุด ได้เปิดตัวเมนูใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ดังกล่าวเป็นครั้งแรกรวม 5 เมนู คือ พิซซ่ากุ้งแม่น้ำชาววัง, สปาเก็ตตี้มัสยา, หมูย่างทรงเครื่อง, ชาเย็นสยาม, แมงโกสมูทตี้ส์ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ผสมผสานเอาความเป็นไทยมาเป็นแนวคิดหลักในการทำตลาดเพื่อให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น โดยทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาทสำหรับครั้งนี้ ด้วยสื่อผสมผสาน
การออกเมนูใหม่สำหรับคอนเซ็ปต์หนึ่งในสยามนี้คาดว่าจะมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในช่วงใกล้ซัมเมอร์ ส่วนเมนูใหม่ๆ ที่ไม่ใช่คอนเซ็ปต์นี้ก็จะมีออกมาต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในสยามนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี เพราะความโดดเด่นของเมนูและรสชาติที่พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัทฯ และมีนายชาลี อมาตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ให้คำปรึกษาด้วย