รมว.พลังงานย้ำประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอสำรองพลังงานใช้ได้ไม่ต่ำกว่า 50 ปี หลังค้นพบพลังงานแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมของ บริษัท ซียูอีแอล (CUEL) จำกัด ผู้บริหารบริษัทซียูอีแอลตั้งเป้าโตร้อยละ 10 ต่อเนื่องไปอีก 3 ปี
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม ของบริษัท ซียูอีแอล (CUEL) จำกัด บริเวณท่าเรือแหลมฉบังว่า กระทรวงพลังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณพลังงานสำรองให้มีพอใช้ไปอีก 50 ปี จากปัจจุบันที่มีปริมาณสำรองใช้ไปอีก 30 ปีเท่านั้น ซึ่งมีมูลค่ากว่า 8.05 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงพลังงานเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพพอและยังค้นพบปริมาณสำรองเพิ่มเติมอีกเป็นมูลค่าประมาณ 11.94 ล้านล้านบาท ดังนั้น มูลค่ารวมจากทรัพยากรพลังงานที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมดมีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านล้านบาท ที่จะนำมาผลิตเป็นพลังงานเพื่อใช้ในประเทศเพียงพอหลายสิบปี อีกทั้งส่งผลทำให้ประเทศไทยลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานได้ไม่น้อยกว่าปีละ 1.4 แสนล้านบาทต่อปีด้วย
ทั้งนี้ เท่าที่ได้สำรวจและตรวจเยี่ยมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม เห็นว่าเป็นแท่นขุดเจาะที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีโครงสร้างน้ำหนักรวมถึง 4,700 ตัน ขณะนี้การก่อสร้างเสร็จแล้วและพร้อมนำสู่แหล่งปลาทอง ซึ่งเป็นแหล่งสำรวจปิโตรเลียมที่บริษัทยูโนแคลได้รับสัมปทานในบริเวณอ่าวไทยได้ภายในเดือนมีนาคม 2548 นี้ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2548 โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 25,000 บาร์เรลต่อวัน และผลิตก๊าซธรรมชาติได้ 150 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
นายณรงค์ บุณยสงวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการขยายตัวของรายได้ในการผลิตแท่นขุดเจาะ ท่อ รวมถึงการติดตั้งโรงกลั่นแยกน้ำมันและก๊าซฯ ในปี 2548 ไว้ที่ร้อยละ 10 จากปี 2547 ที่มีรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท แยกเป็นธุรกิจผลิตแท่นขุดเจาะรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ประมาณร้อยละ 50 คาดว่ารายได้จากธุรกิจผลิตแท่นขุดเจาะจะขยายตัวอยู่ที่ระดับร้อยละ 10 ต่อเนื่องไปอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ส่วนรายได้อีก 1,000 ล้านบาทเศษ มาจากธุรกิจต่อและซ่อมเรือคอนเทนเนอร์ เป็นต้น
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม ของบริษัท ซียูอีแอล (CUEL) จำกัด บริเวณท่าเรือแหลมฉบังว่า กระทรวงพลังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณพลังงานสำรองให้มีพอใช้ไปอีก 50 ปี จากปัจจุบันที่มีปริมาณสำรองใช้ไปอีก 30 ปีเท่านั้น ซึ่งมีมูลค่ากว่า 8.05 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงพลังงานเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพพอและยังค้นพบปริมาณสำรองเพิ่มเติมอีกเป็นมูลค่าประมาณ 11.94 ล้านล้านบาท ดังนั้น มูลค่ารวมจากทรัพยากรพลังงานที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมดมีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านล้านบาท ที่จะนำมาผลิตเป็นพลังงานเพื่อใช้ในประเทศเพียงพอหลายสิบปี อีกทั้งส่งผลทำให้ประเทศไทยลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานได้ไม่น้อยกว่าปีละ 1.4 แสนล้านบาทต่อปีด้วย
ทั้งนี้ เท่าที่ได้สำรวจและตรวจเยี่ยมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม เห็นว่าเป็นแท่นขุดเจาะที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีโครงสร้างน้ำหนักรวมถึง 4,700 ตัน ขณะนี้การก่อสร้างเสร็จแล้วและพร้อมนำสู่แหล่งปลาทอง ซึ่งเป็นแหล่งสำรวจปิโตรเลียมที่บริษัทยูโนแคลได้รับสัมปทานในบริเวณอ่าวไทยได้ภายในเดือนมีนาคม 2548 นี้ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2548 โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 25,000 บาร์เรลต่อวัน และผลิตก๊าซธรรมชาติได้ 150 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
นายณรงค์ บุณยสงวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการขยายตัวของรายได้ในการผลิตแท่นขุดเจาะ ท่อ รวมถึงการติดตั้งโรงกลั่นแยกน้ำมันและก๊าซฯ ในปี 2548 ไว้ที่ร้อยละ 10 จากปี 2547 ที่มีรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท แยกเป็นธุรกิจผลิตแท่นขุดเจาะรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ประมาณร้อยละ 50 คาดว่ารายได้จากธุรกิจผลิตแท่นขุดเจาะจะขยายตัวอยู่ที่ระดับร้อยละ 10 ต่อเนื่องไปอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ส่วนรายได้อีก 1,000 ล้านบาทเศษ มาจากธุรกิจต่อและซ่อมเรือคอนเทนเนอร์ เป็นต้น