ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สมชาย พัฒนะเอนก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ซึ่งเป็นเครือข่ายของโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่ประกอบด้วยเครือข่ายอีก 3 แห่งในภาคตะวันออก คือ โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี และโรงพยาบาลกรุงเทพตราด เปิดเผยว่า ในปี 2548 โรงพยาบาลยังคงเร่งพัฒนาในด้านคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์แบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง และมุ่งขยายบริการเข้าเจาะตลาดกลุ่มชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย หรือกลุ่มที่ต้องการเข้ามารับบริการทางการแพทย์โดยตรงจากต่างประเทศ โดยปัจจุบันสัดส่วนการเข้ารับการรักษาเป็นชาวต่างชาติคิดเป็น 30% ส่วนชาวไทยนั้นอยู่ที่ 70% ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนชาวต่างชาติขึ้นเป็น 40 % ในปีนี้ รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถเป็นโรงพยาบาลเฉพาะสาขามากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 2548 โรงพยาบาลจะมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ให้บริการได้อย่างครบวงจร 5 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์สมอง, ศูนย์ MRI , ศูนย์หัวใจ , SuperSight Surgery และศูนย์ศัลยกรรมความงาม ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย สำหรับปี 2548 นี้ โรงพยาบาลก็ได้เตรียมงบประมาณซื้อเครื่องมือแพทย์อีกกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งในปี 2547 ได้ลงทุนในด้านเครื่องมือแพทย์ไปกว่า 100 ล้านบาท
การนำเข้าเครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging) หรือเครื่องตรวจอวัยวะด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง มูลค่ากว่า 46.75 ล้านบาท เป็นเครื่องแรกในภาคตะวันออก โดยเครื่อง MRI นี้ จะใช้เพื่อตรวจหาความผิดปกติในร่างกาย เช่น ตรวจหาความผิดปกติของโรคเนื้องอกในสมอง
ทางโรงพยาบาลยังได้จัดกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมที่คืนประโยชน์ให้สังคม เจาะเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและต่างประเทศตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา อยู่ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร 15 ชั้น ซึ่งกำหนด แล้วเสร็จในราวปลายปี 2549 ทำให้โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ที่สามารถให้บริการผู้ป่วยนอกได้มากกว่า 1,500 คนต่อวัน และมีเตียงรองรับผู้ป่วยมากกว่า 300 เตียง
โดยผลประกอบการของปี 2547 นั้นมียอดรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 รวมถึงยังมีสถิติของผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 ประกอบกับทางโรงพยาบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทางด้านคุณภาพของการบริการที่เป็นมาตรฐานสากล, เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย, บุคลากร และการรักษาที่ครบวงจร จนทำให้เป็นโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของภาค
ทั้งนี้ ในปี 2548 โรงพยาบาลจะมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ให้บริการได้อย่างครบวงจร 5 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์สมอง, ศูนย์ MRI , ศูนย์หัวใจ , SuperSight Surgery และศูนย์ศัลยกรรมความงาม ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย สำหรับปี 2548 นี้ โรงพยาบาลก็ได้เตรียมงบประมาณซื้อเครื่องมือแพทย์อีกกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งในปี 2547 ได้ลงทุนในด้านเครื่องมือแพทย์ไปกว่า 100 ล้านบาท
การนำเข้าเครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging) หรือเครื่องตรวจอวัยวะด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง มูลค่ากว่า 46.75 ล้านบาท เป็นเครื่องแรกในภาคตะวันออก โดยเครื่อง MRI นี้ จะใช้เพื่อตรวจหาความผิดปกติในร่างกาย เช่น ตรวจหาความผิดปกติของโรคเนื้องอกในสมอง
ทางโรงพยาบาลยังได้จัดกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมที่คืนประโยชน์ให้สังคม เจาะเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและต่างประเทศตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา อยู่ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร 15 ชั้น ซึ่งกำหนด แล้วเสร็จในราวปลายปี 2549 ทำให้โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ที่สามารถให้บริการผู้ป่วยนอกได้มากกว่า 1,500 คนต่อวัน และมีเตียงรองรับผู้ป่วยมากกว่า 300 เตียง
โดยผลประกอบการของปี 2547 นั้นมียอดรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 รวมถึงยังมีสถิติของผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 ประกอบกับทางโรงพยาบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทางด้านคุณภาพของการบริการที่เป็นมาตรฐานสากล, เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย, บุคลากร และการรักษาที่ครบวงจร จนทำให้เป็นโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของภาค