สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์การจำหน่ายสลากรูปแบบใหม่ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ โดยได้จัดพิมพ์สลากรูปแบบใหม่ที่มีแถบสีที่บ่งบอกถึงประเภทของผู้ค้าออกเป็น 4 ประเภท 4 สี ระบุหากพบว่าผู้ค้าแต่ละกลุ่มจำหน่ายสลากไม่ถูกกลุ่ม สำนักงานสลากฯ จะยึดโควตาคืนเป็นการถาวรทันที เพื่อเป็นการควบคุมการจำหน่ายสลากให้เป็นไปตามที่กำหนด
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ว่า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ สำนักงานสลากฯ จะออกประกาศหลักเกณฑ์รายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสลากให้กับผู้ค้าสลากทั้งรายใหญ่รายเล็ก รวมถึงองค์กร มูลนิธิต่าง ๆ ใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมและดูแลการขายสลากงวดวันที่ 2 พฤษภาคม หรืออย่างช้าในงวดวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ให้มีราคาเท่ากับราคาหน้าสลากคือฉบับละ 40 บาท หรืออาจสูงกว่าเล็กน้อย ไม่ใช่ฉบับละ 45-50 บาทเช่นในปัจจุบัน
นายวราเทพ กล่าวว่า ตั้งแต่งวดวันที่ 2 พฤษภาคม หรือ 16 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป ผู้ค้าสลากทุกรายโดยเฉพาะผู้ค้ารายใหญ่จะไม่สามารถจำหน่ายสลากข้ามเขต ข้ามพื้นที่และเปลี่ยนมือไปสู่ผู้ค้ารายอื่นได้ เพราะสำนักงานสลากฯ ได้จัดพิมพ์สลากรูปแบบใหม่ที่มีแถบสีที่บ่งบอกถึงประเภทของผู้ค้าออกเป็น 4 ประเภท 4 สี คือ ผู้ค้ารายย่อยในเขตกรุงเทพฯ ผู้ค้ารายย่อยในต่างจังหวัด ผู้ค้าที่เป็นนิติบุคคล และผู้ค้าที่เป็นมูลนิธิ องค์กร สมาคมต่าง ๆ หากพบว่าผู้ค้าแต่ละกลุ่มจำหน่ายสลากไม่ถูกกลุ่ม สำนักงานสลากฯ จะยึดโควตาคืนเป็นการถาวรทันที
“จากนี้ไป พ่อค้าแม่ค้าที่ขายสลากไม่ว่าจะเป็นรายใดก็ตาม ต้องเป็นผู้ค้าสลากจริง ๆ เท่านั้น ไม่ใช่พวกเสือนอนกิน ที่นำบัตรประชาชนของคนอื่นมาขอรับโควตาสลากไปจำหน่าย โดยแบ่งส่วนลดนิดหน่อยให้กับเจ้าของบัตรประชาชน หรือประเภทที่มีโควตาแล้วนำมาจำหน่ายให้กับผู้ค้ารายใหญ่เพื่อหวังกินส่วนแบ่งโดยไม่ต้องนำสลากออกไปจำหน่ายเอง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ จะขึ้นทะเบียนพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสลาก ต้องมีเลขทะเบียนประจำตัวผู้ค้า มีใบอนุญาตให้จำหน่ายสลากที่ชัดเจน เพื่อเป็นการกำหนดหรือกลไกบังคับไม่ให้มีการจำหน่ายสลากเกินราคา ซึ่งสำนักงานสลากฯ สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าสลากที่จำหน่ายเกินราคานั้น มาจากผู้ค้าคนใด ขณะเดียวกัน ผู้ค้าที่อยู่ต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางมารับสลากในกรุงเทพฯ อีก เพราะสำนักงานสลากฯ จะจัดส่งสลากไปให้ถึงที่ ส่วนผู้ที่ต้องการมีโควตาสลากเพื่อนำไปจำหน่ายจริง ๆ สำนักงานสลากฯ ได้เปิดโอกาสให้แสดงความต้องการมาที่สำนักงานสลากฯ จนถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อนำโควตาที่มีอยู่จำนวน 15 ล้านฉบับ แบ่งเป็นสลากเสรีจำนวน 10 ล้านฉบับ และโควตาขององค์กรมูลนิธิต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการจำหน่ายเองจำนวน 5 ล้านฉบับ มาจัดสรรให้กับผู้ที่แสดงความต้องการเข้ามาก่อน ส่วนที่เหลืออีก 31 ล้านฉบับ ที่เป็นโควตาของบริษัท ประชาชนรายย่อย มูลนิธิ องค์กร ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มีสัญญากับสำนักงานสลาก ฯ อยู่แล้ว หากดำเนินการได้ตามเงื่อนไขใหม่ที่สำนักงานสลากฯ กำหนด ก็จะต่อสัญญาให้ หากไม่ทำตามเงื่อนไข สำนักงานสลากฯ ก็จะยึดโควตาคืนเพื่อนำมาจัดสรรให้กับผู้ที่ต้องการจำหน่ายสลากจริง ๆ ต่อไป
นายวราเทพ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา สำนักงานสลากฯ ได้พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องสลากเกินราคามาโดยตลอด แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก เพราะเป็นสินค้าที่ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อ ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อแนวทางการจำหน่ายที่กำหนดใหม่ชัดเจน สลากในงวดวันที่ 2 พฤษภาคม หรืออย่างช้าวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ จะราคาลดลงอย่างแน่นอน เพราะได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ค้ารายใหญ่ และบรรดาสมาคมองค์กรต่าง ๆ แล้ว และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
สำหรับหวยบนดินหรือหวย 2 ตัว 3 ตัว รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่ไม่ต้องการเพิ่มยอดขาย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งรูปแบบรางวัล หรือประเภทรางวัล โดยเฉพาะรางวัลแจ็กพอต หรือลูกเล่นใหม่ ๆ เพราะไม่ต้องการมอมเมาประชาชน เพียงแต่ไม่ต้องการให้ประชาชนหันไปเล่นหวยใต้ดินเท่านั้น
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ว่า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ สำนักงานสลากฯ จะออกประกาศหลักเกณฑ์รายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสลากให้กับผู้ค้าสลากทั้งรายใหญ่รายเล็ก รวมถึงองค์กร มูลนิธิต่าง ๆ ใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมและดูแลการขายสลากงวดวันที่ 2 พฤษภาคม หรืออย่างช้าในงวดวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ให้มีราคาเท่ากับราคาหน้าสลากคือฉบับละ 40 บาท หรืออาจสูงกว่าเล็กน้อย ไม่ใช่ฉบับละ 45-50 บาทเช่นในปัจจุบัน
นายวราเทพ กล่าวว่า ตั้งแต่งวดวันที่ 2 พฤษภาคม หรือ 16 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป ผู้ค้าสลากทุกรายโดยเฉพาะผู้ค้ารายใหญ่จะไม่สามารถจำหน่ายสลากข้ามเขต ข้ามพื้นที่และเปลี่ยนมือไปสู่ผู้ค้ารายอื่นได้ เพราะสำนักงานสลากฯ ได้จัดพิมพ์สลากรูปแบบใหม่ที่มีแถบสีที่บ่งบอกถึงประเภทของผู้ค้าออกเป็น 4 ประเภท 4 สี คือ ผู้ค้ารายย่อยในเขตกรุงเทพฯ ผู้ค้ารายย่อยในต่างจังหวัด ผู้ค้าที่เป็นนิติบุคคล และผู้ค้าที่เป็นมูลนิธิ องค์กร สมาคมต่าง ๆ หากพบว่าผู้ค้าแต่ละกลุ่มจำหน่ายสลากไม่ถูกกลุ่ม สำนักงานสลากฯ จะยึดโควตาคืนเป็นการถาวรทันที
“จากนี้ไป พ่อค้าแม่ค้าที่ขายสลากไม่ว่าจะเป็นรายใดก็ตาม ต้องเป็นผู้ค้าสลากจริง ๆ เท่านั้น ไม่ใช่พวกเสือนอนกิน ที่นำบัตรประชาชนของคนอื่นมาขอรับโควตาสลากไปจำหน่าย โดยแบ่งส่วนลดนิดหน่อยให้กับเจ้าของบัตรประชาชน หรือประเภทที่มีโควตาแล้วนำมาจำหน่ายให้กับผู้ค้ารายใหญ่เพื่อหวังกินส่วนแบ่งโดยไม่ต้องนำสลากออกไปจำหน่ายเอง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ จะขึ้นทะเบียนพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสลาก ต้องมีเลขทะเบียนประจำตัวผู้ค้า มีใบอนุญาตให้จำหน่ายสลากที่ชัดเจน เพื่อเป็นการกำหนดหรือกลไกบังคับไม่ให้มีการจำหน่ายสลากเกินราคา ซึ่งสำนักงานสลากฯ สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าสลากที่จำหน่ายเกินราคานั้น มาจากผู้ค้าคนใด ขณะเดียวกัน ผู้ค้าที่อยู่ต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางมารับสลากในกรุงเทพฯ อีก เพราะสำนักงานสลากฯ จะจัดส่งสลากไปให้ถึงที่ ส่วนผู้ที่ต้องการมีโควตาสลากเพื่อนำไปจำหน่ายจริง ๆ สำนักงานสลากฯ ได้เปิดโอกาสให้แสดงความต้องการมาที่สำนักงานสลากฯ จนถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อนำโควตาที่มีอยู่จำนวน 15 ล้านฉบับ แบ่งเป็นสลากเสรีจำนวน 10 ล้านฉบับ และโควตาขององค์กรมูลนิธิต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการจำหน่ายเองจำนวน 5 ล้านฉบับ มาจัดสรรให้กับผู้ที่แสดงความต้องการเข้ามาก่อน ส่วนที่เหลืออีก 31 ล้านฉบับ ที่เป็นโควตาของบริษัท ประชาชนรายย่อย มูลนิธิ องค์กร ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มีสัญญากับสำนักงานสลาก ฯ อยู่แล้ว หากดำเนินการได้ตามเงื่อนไขใหม่ที่สำนักงานสลากฯ กำหนด ก็จะต่อสัญญาให้ หากไม่ทำตามเงื่อนไข สำนักงานสลากฯ ก็จะยึดโควตาคืนเพื่อนำมาจัดสรรให้กับผู้ที่ต้องการจำหน่ายสลากจริง ๆ ต่อไป
นายวราเทพ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา สำนักงานสลากฯ ได้พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องสลากเกินราคามาโดยตลอด แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก เพราะเป็นสินค้าที่ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อ ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อแนวทางการจำหน่ายที่กำหนดใหม่ชัดเจน สลากในงวดวันที่ 2 พฤษภาคม หรืออย่างช้าวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ จะราคาลดลงอย่างแน่นอน เพราะได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ค้ารายใหญ่ และบรรดาสมาคมองค์กรต่าง ๆ แล้ว และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
สำหรับหวยบนดินหรือหวย 2 ตัว 3 ตัว รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่ไม่ต้องการเพิ่มยอดขาย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งรูปแบบรางวัล หรือประเภทรางวัล โดยเฉพาะรางวัลแจ็กพอต หรือลูกเล่นใหม่ ๆ เพราะไม่ต้องการมอมเมาประชาชน เพียงแต่ไม่ต้องการให้ประชาชนหันไปเล่นหวยใต้ดินเท่านั้น