แฟชั่น แฟคทอรี่ เอาท์เลทดึงบ.เครือสยามกีฬาร่วมถือหุ้นใหม่ หวังใช้เม็ดเงินแปลงโฉมเอาท์เลทสาขาเมืองท่องเที่ยวเพชรบุรี-สระบุรีใหม่
นายธีรธร พงศาพาส ผู้จัดการ บริษัท แฟชั่นแฟคทอรี่ เอาท์เลท จำกัด เปิดเผยว่า ในอาทิตย์หน้าบริษัทฯมีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพิ่มทุนเป็น 55 ล้านบาท โดยในส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ที่ลงทุนเพิ่ม 5 ล้านบาทเป็นบริษัทในเครือสยามกีฬานำโดยนายระวิ โหลทอง สำหรับโครงสร้างในปัจจุบัน แบ่งเป็นบริษัทฯถือหุ้นคิดเป็น 70% และพันธมิตร 30%
ทั้งนี้การที่บริษัทฯมีการเพิ่มทุนก็เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทฯในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนตกแต่งเอาท์เลทที่เน้นไอเดียใหม่ให้กับ 2 สาขา ได้แก่ ที่เพชรบุรีและสระบุรี โดยการนำกิจกรรมต่างๆมาให้บริการที่เอาท์เล็ต เช่น นำเอ็นเตอร์เทนเมนท์และกีฬาเข้ามาไว้ที่เอาท์เลทที่เพชรบุรี ซึ่งตรงนี้บริษัทฯได้ใช้งบลงทุนในการตกแต่งไปประมาณ 5 ล้านบาท ในการขยายพื้นที่ขายจาก 8,000 ตร.ม.เป็น 10,000 ตร.ม. รวมถึงการนำแบรนด์เนมใหม่เข้ามาขายกว่า 30 แบรนด์ เช่น เบเนตองส์, ซีเค ยีนส์ เป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ปรับพื้นที่ด้านหลังให้เป็นพื้นที่สำหรับเล่นกีฬา เช่น สนามแข่งรถเมาท์เท่นไบด์ ,สนามรถเอทีวี ซึ่งขณะนี้ปรับไปประมาณ 80-90%
ส่วนเอาท์เลทที่สระบุรีนั้นบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการขายเสื้อผ้าแฟชั่น ด้วยการทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวและที่เล่นกีฬาบนพื้นที่ 1 พันไร่ อาทิ มีฟาร์มกล้วยไม้,สวนกระต่าย และสนามเสือภูเขา เป็นต้น โดยสาขานี้บริษัทฯใช้งบตกแต่งประมาณ 2 ล้านบาท
ในขณะที่อีกสาขา คือ บางขุนเทียนในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีการลงทุนใดเพิ่มเติม อาจจะเพิ่มในส่วนของการนำผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมเข้าไปวางจำหน่าย
นอกจากนี้ภายใน 2 ปีนี้บริษัทฯมีแผนจะเปิดเอาท์เลทเพิ่มอีก 2 แห่งในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ด้วยงบลงทุนสาขาละ 40-50 ล้านบาท และระยะคืนทุนภายใน 5-6 ปี
ปัจจุบันมีสินค้าที่มาจำหน่ายในเอาท์เลทกว่า 200 แบรนด์ ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 30 แบรนด์ โดยมีแผนจะนำสินค้าจีน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า,เครื่องเล่นสำหรับกีฬา เป็นต้น เข้ามาวางขายในเอาท์เลทด้วย
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้ตั้งเป้าโต 20% ซึ่งปีที่ผ่านมายอดรายได้ของทั้ง 3 แห่งถือว่ามีอัตราการเติบโตขึ้น 25% โดยเอาท์เลทที่เพชรบุรีมียอดขายกว่า 200 ล้านบาท ,เอาท์เลทสระบุรี มียอด 120 ล้านบาท และบางขุนเทียนมียอดรายได้ 30-40 ล้านบาท โดยสัดส่วนสินค้าที่ทำรายได้หลัก แบ่งเป็น กลุ่มเแฟชั่น คิดเป็น 90% และอื่นๆ เช่น อาหาร,ของฝาก 10%
นายธีรธร พงศาพาส ผู้จัดการ บริษัท แฟชั่นแฟคทอรี่ เอาท์เลท จำกัด เปิดเผยว่า ในอาทิตย์หน้าบริษัทฯมีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพิ่มทุนเป็น 55 ล้านบาท โดยในส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ที่ลงทุนเพิ่ม 5 ล้านบาทเป็นบริษัทในเครือสยามกีฬานำโดยนายระวิ โหลทอง สำหรับโครงสร้างในปัจจุบัน แบ่งเป็นบริษัทฯถือหุ้นคิดเป็น 70% และพันธมิตร 30%
ทั้งนี้การที่บริษัทฯมีการเพิ่มทุนก็เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทฯในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนตกแต่งเอาท์เลทที่เน้นไอเดียใหม่ให้กับ 2 สาขา ได้แก่ ที่เพชรบุรีและสระบุรี โดยการนำกิจกรรมต่างๆมาให้บริการที่เอาท์เล็ต เช่น นำเอ็นเตอร์เทนเมนท์และกีฬาเข้ามาไว้ที่เอาท์เลทที่เพชรบุรี ซึ่งตรงนี้บริษัทฯได้ใช้งบลงทุนในการตกแต่งไปประมาณ 5 ล้านบาท ในการขยายพื้นที่ขายจาก 8,000 ตร.ม.เป็น 10,000 ตร.ม. รวมถึงการนำแบรนด์เนมใหม่เข้ามาขายกว่า 30 แบรนด์ เช่น เบเนตองส์, ซีเค ยีนส์ เป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ปรับพื้นที่ด้านหลังให้เป็นพื้นที่สำหรับเล่นกีฬา เช่น สนามแข่งรถเมาท์เท่นไบด์ ,สนามรถเอทีวี ซึ่งขณะนี้ปรับไปประมาณ 80-90%
ส่วนเอาท์เลทที่สระบุรีนั้นบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการขายเสื้อผ้าแฟชั่น ด้วยการทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวและที่เล่นกีฬาบนพื้นที่ 1 พันไร่ อาทิ มีฟาร์มกล้วยไม้,สวนกระต่าย และสนามเสือภูเขา เป็นต้น โดยสาขานี้บริษัทฯใช้งบตกแต่งประมาณ 2 ล้านบาท
ในขณะที่อีกสาขา คือ บางขุนเทียนในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีการลงทุนใดเพิ่มเติม อาจจะเพิ่มในส่วนของการนำผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมเข้าไปวางจำหน่าย
นอกจากนี้ภายใน 2 ปีนี้บริษัทฯมีแผนจะเปิดเอาท์เลทเพิ่มอีก 2 แห่งในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ด้วยงบลงทุนสาขาละ 40-50 ล้านบาท และระยะคืนทุนภายใน 5-6 ปี
ปัจจุบันมีสินค้าที่มาจำหน่ายในเอาท์เลทกว่า 200 แบรนด์ ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 30 แบรนด์ โดยมีแผนจะนำสินค้าจีน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า,เครื่องเล่นสำหรับกีฬา เป็นต้น เข้ามาวางขายในเอาท์เลทด้วย
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้ตั้งเป้าโต 20% ซึ่งปีที่ผ่านมายอดรายได้ของทั้ง 3 แห่งถือว่ามีอัตราการเติบโตขึ้น 25% โดยเอาท์เลทที่เพชรบุรีมียอดขายกว่า 200 ล้านบาท ,เอาท์เลทสระบุรี มียอด 120 ล้านบาท และบางขุนเทียนมียอดรายได้ 30-40 ล้านบาท โดยสัดส่วนสินค้าที่ทำรายได้หลัก แบ่งเป็น กลุ่มเแฟชั่น คิดเป็น 90% และอื่นๆ เช่น อาหาร,ของฝาก 10%