มาม่าเผยแผนรุกปีนี้เน้นหนักธุรกิจอาหาร เตรียมเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์มาม่า คัพใหม่จากพลาสติกเป็นกระดาษภายในเดือนก.พ. ยันไม่ปรับราคาเพิ่มแม้ต้นทุนกระดาษจะสูง มีแผนนำเข้าเครื่องผลิตถ้วยกระดาษจากเกาหลีรองรับการผลิตโออีเอ็มให้ตลาดทุกเซ็กเมนต์ ประกาศเดินร่วมทางกับพันธมิตรในจีน จับมือบริษัท คัง ซือ ฟู่แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิต เล็งเจรจาซื้อบริษัทวี ชวนฯทำธุรกิจน้ำดื่ม
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทฯยังคงเน้นการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารเป็นหลักในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำถ้วยกระดาษหรือการร่วมกับบริษัทซันโก้ทำเครื่องปรุง เป็นต้น ประกอบกับให้ความสนใจกับตัวธุรกิจหลัก คือ บะหมี่ โดยจะเน้นการทำธุรกิจที่ไม่สร้างปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมและเรื่องการรักษาราคาให้คงที่ แม้ว่าต้นทุนกระดาษจะแพงขึ้นก็ตาม รวมถึงการเน้นหนักทางด้านบุคลากร เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่ไปร่วมลงทุนกับจีน
โดยนโยบายทางด้านต่างประเทศบริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ฯจะเน้นการลงทุนแบบ 2 ทาง ระหว่างไทยกับจีน ในลักษณะการร่วมลงทุนกับพันธมิตร เพื่อกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจ โดยบริษัทฯ มีแผนร่วมกับบริษัทคัง ซือ ฟู่ ผู้ผลิตบะหมี่รายใหญ่ในจีนมีครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึงกว่า 30% ในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตที่บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญในการผลิตบะหมี่อบแห้ง เส้นหมี่และบะหมี่เส้นขาว ซึ่งทางคัง ซื่อ ฟู่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ขณะนี้อยู่ในขั้นรออนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท
เล็งควบบ.วี ชวนฯทำธุรกิจน้ำดื่ม
นายพิพัฒ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนขยายการลงทุนด้วยการเจรจากับบริษัทคังซื่อฟู่ เพื่อขอซื้อกิจการของบริษัทลูก คือ บริษัทวี ชวน ฟูดส์ คอร์เปอเรชั่น ( Wei Chuan Foods Coperation) ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับนม ,เดลี่ โปรดักส์, นมผงและโยเกิร์ตจากไต้หวันที่มาตั้งโรงงานผลิตผักดองและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ในไทยที่จังหวัดราชบุรี เพื่อส่งขายไปยังต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาการทำธุรกิจในตลาดไทยยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้หากผลเจรจาสำเร็จบริษัทฯมีโครงการผลิตน้ำดื่มในรูปแบบขวดเพ็ท เช่น ชาเขียวและชาดำเย็น เป็นต้น
ทุ่ม 100 ลบ.ตั้งโรงงานผลิตถ้วยกระดาษ
บริษัทฯ ยังได้ร่วมกับบริษัทเฉินตู อันเปาทุ่มเงินกว่า 100 ล้านบาทจัดตั้งบริษัทผลิตถ้วยกระดาษ ภายใต้ชื่อ “ฉงซิ่น ไทโบล์ว เปเปอร์ โปรดักส์ จำกัด” ซึ่งโรงงานตั้งอยู่ที่ฉงซิ่นและมีเครื่องผลิตถ้วยกระดาษอยู่ 2 เครื่อง แต่จะมีการนำเข้ามาให้ครบ 7 เครื่องภายในครึ่งปีแรก โดยสถานที่ตั้งโรงงานนี้จะอยู่ใกล้กับโรงงานบะหมี่รายใหญ่ของจีนอย่างคังซือฟู่ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้ผลิตถ้วยกระดาษป้อนให้โรงงานโซนตะวันตกเฉียงใต้ของคังซือฟู่ประมาณ 20 ล้านใบ ซึ่งถ้าการร่วมลงทุนประสบความสำเร็จดีอีก 6 เดือนข้างหน้าบริษัทก็จะมีแผนจะสร้างโรงงานในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมฉงซิ่น
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าความต้องการใช้ถ้วยกระดาษของตลาดจีนโต 35-50% คาดว่าภายใน 3-5 ปีสัดส่วนการใช้ถ้วยกระดาษจะแทนที่รูปแบบอื่นหมด ซึ่งการป้อนการถ้วยกระดาษคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ 600 ล้านบาทต่อปี หรือมีรายได้รวมกว่า 3 พันล้านบาทตลอดอายุสัญญาที่ต้องป้อนถ้วยกระดาษเป็นระยะเวลา 5 ปี
มาม่า คัพโฉมใหม่ก.พ.นี้เป็นถ้วยกระดาษหมด
ทั้งนี้ บริษัทฯได้เล็งเห็นถึงผลเสียของการที่มาม่าใช้ถ้วยโฟมหรือชามพลาสติกเป็นบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีผลต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากวัตถุดิบดังกล่าวย่อยสลายได้ยาก จึงได้เจรจากับพันธมิตรบริษัท เฉินตู อันเปา (ChengDu Anbao) จากประเทศจีน ร่วมลงทุนช่วงเริ่มต้นประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อผลิตถ้วยกระดาษให้กับแบรนด์มาม่า ภายใต้ชื่อ “ไทย อันโบล์ว เปเปอร์ โปรดักส์ จำกัด”
โดยได้เช่าโรงงานมาม่าที่หนองแขมเป็นสถานที่ผลิตถ้วยกระดาษให้ 2 รสชาติของมาม่า คือ รสต้มยำกุ้งและรสหมูสับ ซึ่งได้เริ่มทำการผลิตไปตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถเปลี่ยนวัสดุจากถ้วยพลาสติกเป็นกระดาษได้ทั้งหมด รวมถึงการปรับโฉมตราสินค้าที่พิมพ์บนถ้วยใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น จากนั้นจะมีเริ่มผลิตอีก 3 รส คือ หมูน้ำตก, เป็ดพะโล และต้มยำน้ำข้น
ทั้งนี้ปัจจุบันโรงงานที่หนองแขมมีเครื่องผลิตถ้วยกระดาษทั้งหมด 5 เครื่อง กำลังผลิต 40 ถ้วยต่อนาที บริษัทฯมีแผนขยายการผลิตด้วยการย้ายทั้ง 5 เครื่องที่โรงงานหนองแขมไปตั้งไว้ที่โรงงานทั้ง 3 แห่งของมาม่า คือ ที่ลำพูน, ระยอง และศรีราชา เพื่อสะดวกต่อการผลิตและลดต้นทุนการขนส่ง และอีก 3 เดือนข้างหน้านี้บริษัทฯเตรียมเพิ่มงบประมาณ 100 ล้านบาทนำเข้าเครื่องผลิตถ้วยกระดาษตัวใหม่จากเกาหลี ซึ่งมีกำลังผลิตสูงถึง 120 ถ้วยต่อนาที เพื่อรองรับการผลิตถ้วยกระดาษให้กับบริษัททุกเซ็กเมนต์ที่เกี่ยวข้องกับถ้วยกระดาษ เช่นโค้ก เป็ปซี่ และสตาร์บัคส์ เป็นต้น
ส่วนผลประกอบการในปี 2547 ของบริษัทฯมียอดขาย 4,500-4,600 ล้านบาทและมีส่วนแบ่งทางตลาด 54% โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวม 4,800-4,900 ล้านบาท และคาดว่าจะแตะ 5,000 ล้านบาทได้หากผลการเจรจากับบริษัทวี ชวนฯสำเร็จ โดยยอดขายจะแบ่งเป็น มาม่าแบบถ้วยที่คาดว่าจะโตไม่น้อยกว่า 40% และแบบซองโตประมาณ 4%