ดั๊บเบิ้ล เอ" ผนึกพันธมิตรด้านเครื่องเขียน ค่ายเพลงจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ -โซนี่ พลิกโฉมร้านเครื่องเขียนสมัยเก่า แตกไลน์ธุรกิจใหม่ "ดับเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่" หวังสู้โมเดิร์นเทรด ตั้งเป้าสิ้นปีไก่ครบ 100 แห่ง คาดว่าปี 2548 ปีไก่ดันยอดโต 10%
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-การตลาด บริษัท แอ็ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้จับมือกับผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องเขียนรายใหญ่หลายราย อาทิ สเต็ดเล่อร์, แลนเซอร์, สีทอง 555, เบอร์ลี่ ยุคเกอร์, ดีทแฮล์ม, ฮีซีอาร์ทและโออาร์ซีเอ รวมถึงสินค้าประเภทบันเทิงในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และสินค้าประเภทไอที จากโซนี่ เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อแปลงโฉมร้านค้าเครื่องเขียนรูปแบบเก่าที่มีอยู่อยู่ให้เป็นรูปแบบร้านใหม่ ภายใต้ชื่อร้าน "ดั๊บเบิ้ลเอ สเตชั่นเนอรี่" ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยมีเป้าหมายให้ร้านเครื่องเขียน มีการจัดการภายในร้านแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นทุนถูกลง และสามารถแข่งขันกับร้านเครื่องเขียนประเภทโมเดิร์นเทรดได้
ทั้งนี้ บริษัทได้มองเห็นถึงการเติบโตของธุรกิจเครื่องเขียนที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเติบโตจากร้านเครื่องเขียนประเภทโมเดิร์นเทรดมากกว่าร้านเครื่องเขียนรูปแบบเก่า สังเกตได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคตอบรับความทันสมัย และนิยมผลิตภัณฑ์ใหม่ จึงนิยมหันไปซื้อเครื่องเขียนกับร้านเครื่องเขียนประเภทโมเดิร์นเทรดมากขึ้น
รูปแบบของร้านค้าที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของจะต้องจัดเรียงสินค้าภายในร้านที่มาจาก ดั๊บเบิ้ล เอ และสินค้าพันธมิตรในสัดส่วน 75 % และทางร้านสามารถนำสินค้าอื่นมาจัดจำหน่ายได้ แต่จะต้องไม่ซ้ำกับประเภทของสินค้าที่ทางดั๊บเบิ้ล เอ จัดจำหน่ายอยู่ก่อนแล้วอีก 25 %
สำหรับธุรกิจร้านดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ ต้นแบบ ขณะนี้มีแล้ว 4 แห่ง คือ ร้าน KPG Stationery ปากซอยอุดมสุข 47 สุขุมวิท 103, ร้านเจมส์ โอเอ ซัพพลาย ถ.กรุงเทพ- กรีฑา, ร้านสัมพันธ์ราษฎร์บูรณะ ปากซอยอุดมสุขสวัสดิ์ 31, และร้านลิ้มเจริญ ปากซอยพหลโยธิน 35 โดยตั้งเป้าไว้ที่ 100 แห่งทั่วประเทศในปีนี้ โดยมีรูปแบบการจัดร้านทั้งหมด 4 ระดับ ได้แก่ ระดับพรีเมี่ยม, ระดับสแตนดาร์ด เอ, ระดับสแตนดาร์ด บี และระดับอีโคโนมี่ ซึ่งตั้งงบลงทุนไว้ที่ 700,000 บาท ต่อ 1 ร้านค้าในระดับพรีเมี่ยม คาดว่าสิ้นปีจะมีร้านค้าในระดับพรีเมี่ยมถึง 20 ร้านค้า
ผลประกอบการปี 2547 ดั๊บเบิ้ล เอมียอดขายเพิ่มขึ้น 10 % คิดเป็นมูลค่า18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 60 % และจัดจำหน่ายในประเทศอีก 40% คาดว่าในปี 2548 จะเพิ่มขึ้นอีก 10% โดยเตรียมงบการตลาดไว้ 60 ล้านบาท เน้นรายการส่งเสริมการขายเป็นหลัก เพราะแบรนด์ "ดั๊บเบิ้ล เอ" เป็นที่รู้จักดีแล้ว โดยปัจจุบันดั๊บเบิ้ล เอครองส่วนแบ่งตลาด 80% เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มกระดาษขนาด 80 แกรม