หลายคนคงรู้จักผลิตภัณฑ์จากโครงการพัฒนาดอยตุงแม้ว่าจะได้พบเห็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ดอยตุงไม่บ่อยนัก แต่เป็นโครงการที่เกิดขึ้นมาประมาณ 17 ปีแล้ว ไม่เน้นการทำตลาดแบบจริงจัง เพราะเป็นโครงการที่ไม่ได้มุ่งหวังกำไรมหาศาลเหมือนกับองค์กรธุรกิจทั่วไป
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้ทาบทามให้ "ศิวะพร ชมสุวรรณ" นักการตลาดในองค์กรธุรกิจเอกชนเข้ามาร่วมเป็น 1 ในผู้บริหารโครงการนี้ จึงเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดอยตุง กำลังต้องการนักการตลาดมืออาชีพเข้ามาปรับทิศทางการทำตลาด ภาพลักษณ์ ตำแหน่งผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้ดอยตุงมีอัตราการเติบโตที่มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นผลตอบแทนที่จะสะท้อนกลับไปยังชาวเขาในโครงการพัฒนาดอยตุง
ศิวะพร ชมสุวรรณ เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในผู้บริหารโครงการฯ ในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ โดยก่อนหน้านี้จะอยู่ในวงการด้านการตลาด ทั้งในองค์กรระดับอินเตอร์เนชั่นแนลและองค์กรของคนไทย อย่างเนสท์เล่, ยูนิลีเวอร์, ฮัทช์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสงานด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นานกว่า 6 ปี ซึ่งประสบการณ์ด้านการตลาดจากองค์กรเอกชน สั่งสมให้มีแนวคิดในการทำงานแบบมืออาชีพ และต้องมีทีมงานที่ทำงานเป็นมืออาชีพเช่นกัน
"เราเป็นมืออาชีพมาตลอด เราก็ต้องนำแนวคิดแบบมืออาชีพมาพัฒนาโครงการฯ ให้เป็นองค์กรที่มีระบบมากขึ้น มีผลงานเป็นรูปธรรม คุณภาพสินค้าที่จะต้องดีขึ้นและได้มาตรฐาน มีการทำงานเป็นทีม ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างหาทีมงานที่เป็นมืออาชีพเข้ามาร่วมอีก 2-3 คน เพื่อร่วมกันสร้างองค์กรนี้ให้เติบโตยิ่งขึ้น"
การที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานในโครงการพัฒนาดอยตุง นับว่าเป็นครั้งแรกที่ศิวะพร ชมสุวรรณได้ทำงานกับองค์กรที่ไม่หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจมากเท่ากับองค์กรเอกชนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งนายศิวะพร ถือว่ารูปแบบการทำงานไม่แตกต่างกันนัก เพราะทางผู้บริหารดอยตุงเองก็ต้องการเห็นองค์กรเจริญเติบโต มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และต้องการให้คนรู้จักดอยตุงมากขึ้นด้วย แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ ต้องการนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นไปช่วยเหลือชาวเขาให้มากขึ้นนั่นเอง
ในส่วนของร้านกาแฟดอยตุงที่เกิดขึ้นเพียง 2 ปี แต่อยู่ในจังหวะที่ตลาดกาแฟขยายตัวมาก และมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีก โดยเมล็ดกาแฟที่ใช้ในร้านดอยตุงเป็นเมล็ดที่ปลูกขึ้นเอง ทำให้ตัวร้านกาแฟมีเรื่องราวเบื้องหลังที่ดีมาก จึงต้องพยายามที่จะนำสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ดังกล่าวให้เข้าถึงตัวผู้บริโภคเพื่อดึงดูดให้เกิดความสนใจร้านกาแฟดอยตุงไม่แพ้ร้านกาแฟเชนใหญ่ๆ ซึ่งจะต้องสอดรับกับแผนขยายสาขาให้ได้ครอบคลุม
ถ้าถามว่า วันนี้ร้านกาแฟดอยตุงมีโอกาสที่จะเข้าไปแข่งขันกับร้านกาแฟเชนใหญ่ๆ ในศูนย์การค้าใหญ่ได้หรือไม่ น่าจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะปัจจุบันมีเจ้าของพื้นที่ศูนย์การค้าหลายรายติดต่อให้ร้านกาแฟดอยตุงเข้าไปเปิดสาขาค่อนข้างมาก และอยู่ระหว่างพิจารณา แต่ทั้งนี้ ทางโครงการฯ ต้องรอให้แผนการตลาดมีความชัดเจนก่อนจึงจะสามารถที่จะขยายไปยังทำเลระดับวงกว้างอย่างศูนย์การค้าได้ และคงจะเป็นเห็นร้านกาแฟแบรนด์คนไทยเติบโตมีจำนวนสาขาอย่างต่อเนื่องไม่แพ้ร้านกาแฟต่างชาติ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้ทาบทามให้ "ศิวะพร ชมสุวรรณ" นักการตลาดในองค์กรธุรกิจเอกชนเข้ามาร่วมเป็น 1 ในผู้บริหารโครงการนี้ จึงเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดอยตุง กำลังต้องการนักการตลาดมืออาชีพเข้ามาปรับทิศทางการทำตลาด ภาพลักษณ์ ตำแหน่งผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้ดอยตุงมีอัตราการเติบโตที่มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นผลตอบแทนที่จะสะท้อนกลับไปยังชาวเขาในโครงการพัฒนาดอยตุง
ศิวะพร ชมสุวรรณ เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในผู้บริหารโครงการฯ ในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ โดยก่อนหน้านี้จะอยู่ในวงการด้านการตลาด ทั้งในองค์กรระดับอินเตอร์เนชั่นแนลและองค์กรของคนไทย อย่างเนสท์เล่, ยูนิลีเวอร์, ฮัทช์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสงานด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นานกว่า 6 ปี ซึ่งประสบการณ์ด้านการตลาดจากองค์กรเอกชน สั่งสมให้มีแนวคิดในการทำงานแบบมืออาชีพ และต้องมีทีมงานที่ทำงานเป็นมืออาชีพเช่นกัน
"เราเป็นมืออาชีพมาตลอด เราก็ต้องนำแนวคิดแบบมืออาชีพมาพัฒนาโครงการฯ ให้เป็นองค์กรที่มีระบบมากขึ้น มีผลงานเป็นรูปธรรม คุณภาพสินค้าที่จะต้องดีขึ้นและได้มาตรฐาน มีการทำงานเป็นทีม ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างหาทีมงานที่เป็นมืออาชีพเข้ามาร่วมอีก 2-3 คน เพื่อร่วมกันสร้างองค์กรนี้ให้เติบโตยิ่งขึ้น"
การที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานในโครงการพัฒนาดอยตุง นับว่าเป็นครั้งแรกที่ศิวะพร ชมสุวรรณได้ทำงานกับองค์กรที่ไม่หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจมากเท่ากับองค์กรเอกชนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งนายศิวะพร ถือว่ารูปแบบการทำงานไม่แตกต่างกันนัก เพราะทางผู้บริหารดอยตุงเองก็ต้องการเห็นองค์กรเจริญเติบโต มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และต้องการให้คนรู้จักดอยตุงมากขึ้นด้วย แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ ต้องการนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นไปช่วยเหลือชาวเขาให้มากขึ้นนั่นเอง
ในส่วนของร้านกาแฟดอยตุงที่เกิดขึ้นเพียง 2 ปี แต่อยู่ในจังหวะที่ตลาดกาแฟขยายตัวมาก และมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีก โดยเมล็ดกาแฟที่ใช้ในร้านดอยตุงเป็นเมล็ดที่ปลูกขึ้นเอง ทำให้ตัวร้านกาแฟมีเรื่องราวเบื้องหลังที่ดีมาก จึงต้องพยายามที่จะนำสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ดังกล่าวให้เข้าถึงตัวผู้บริโภคเพื่อดึงดูดให้เกิดความสนใจร้านกาแฟดอยตุงไม่แพ้ร้านกาแฟเชนใหญ่ๆ ซึ่งจะต้องสอดรับกับแผนขยายสาขาให้ได้ครอบคลุม
ถ้าถามว่า วันนี้ร้านกาแฟดอยตุงมีโอกาสที่จะเข้าไปแข่งขันกับร้านกาแฟเชนใหญ่ๆ ในศูนย์การค้าใหญ่ได้หรือไม่ น่าจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะปัจจุบันมีเจ้าของพื้นที่ศูนย์การค้าหลายรายติดต่อให้ร้านกาแฟดอยตุงเข้าไปเปิดสาขาค่อนข้างมาก และอยู่ระหว่างพิจารณา แต่ทั้งนี้ ทางโครงการฯ ต้องรอให้แผนการตลาดมีความชัดเจนก่อนจึงจะสามารถที่จะขยายไปยังทำเลระดับวงกว้างอย่างศูนย์การค้าได้ และคงจะเป็นเห็นร้านกาแฟแบรนด์คนไทยเติบโตมีจำนวนสาขาอย่างต่อเนื่องไม่แพ้ร้านกาแฟต่างชาติ