รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานนำคณะเยือนอิหร่าน ติดตามความคืบหน้าสัมปทานบ่อน้ำมัน ความเป็นไปได้ในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ร่วมมือผลิตอุปกรณ์รถยนต์เอ็นจีวี การซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่าน รวมทั้งเชิญชวนอิหร่านลงทุนระบบท่อโรงกลั่นและคลังน้ำมันในโครงการแลนด์บริจด์
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2547 ว่า เป็นการไปเยือนตามคำเชิญชวนของรัฐบาลอิหร่าน หลังจากที่กระทรวงพลังงานของไทยและกระทรวงปิโตรเลียมของอิหร่านได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) ในความร่วมมือด้านพลังงานระหว่าง 2 ประเทศ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2547 โดยมีกำหนดไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมอิหร่าน H.E.Mr.Bijain Zanganeh ซึ่งจะได้ติดตามความก้าวหน้าในการขอรับสัมปทานปิโตรเลียมของบริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) ที่ได้ยื่นประมูลแปลงสำรวจ 2 แปลง คือ แปลง 4 (Khoramabad) และแปลง 14 (Saveh) รวมทั้งความร่วมมือในการลงทุนและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในอิหร่านระหว่างรัฐต่อรัฐ ในแปลงสัมปทานอื่น ๆ
นอกจากนี้ จะเชิญชวนผู้ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์รถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีของอิหร่านมาร่วมลงทุนในประเทศไทย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าอุปกรณ์ เอ็นจีวีเกือบทั้งหมดจากต่างประเทศทำให้ราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น หากสามารถผลิตบางชิ้นส่วนของอุปกรณ์ เอ็นจีวีในประเทศไทยได้ราคาจะถูกลงมาก นอกจากนั้น ยังได้เชิญชวนให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติของอิหร่าน (NIOC) เข้าร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริจด์ ทั้งระบบท่อเพื่อขยายการซื้อขายน้ำมันในแถบภูมิภาคเอเชีย โรงกลั่นน้ำมัน สำหรับตลาดในประเทศและเพื่อส่งออก และคลังน้ำมันดิบเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย
ด้านบริษัท ปตท. สนใจในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติในรูปแบบของเหลว (LNG) สำหรับใช้ในประเทศไทย หลังปี 2553 เนื่องจากราคาของ LNG ในปัจจุบันมีราคาถูกลง ใกล้เคียงกับราคาก๊าซธรรมชาติของไทย ในการเดินทางครั้งนี้จะมีการลงนามบันทึกความตกลงเบื้องต้น (MOU) ระหว่าง ปตท.กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอิหร่าน (NIOC) และบริษัทน้ำมันแห่งชาติของมาเลเซีย (Petronas) เพื่อตั้งคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนพัฒนาแหล่งก๊าซ (SOUTH PARS) phase 11 เพื่อนำ LNG จำนวน 4 ล้านตันต่อปีมาใช้ในประเทศไทย หลังปี 2553 นอกจากนั้นอิหร่านยังได้เสนอขายน้ำมันดิบให้กับประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังได้พบหารือกับ Mr.Hashemi Bahramani Akbar ประธานสภาปรองดองแห่งชาติของอิหร่าน (The Chirman of the Expediency Discemment Council of the System) เพื่อแสวงความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง ในโอกาสที่ปีหน้าจะครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-อิหร่าน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2547 ว่า เป็นการไปเยือนตามคำเชิญชวนของรัฐบาลอิหร่าน หลังจากที่กระทรวงพลังงานของไทยและกระทรวงปิโตรเลียมของอิหร่านได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) ในความร่วมมือด้านพลังงานระหว่าง 2 ประเทศ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2547 โดยมีกำหนดไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมอิหร่าน H.E.Mr.Bijain Zanganeh ซึ่งจะได้ติดตามความก้าวหน้าในการขอรับสัมปทานปิโตรเลียมของบริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) ที่ได้ยื่นประมูลแปลงสำรวจ 2 แปลง คือ แปลง 4 (Khoramabad) และแปลง 14 (Saveh) รวมทั้งความร่วมมือในการลงทุนและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในอิหร่านระหว่างรัฐต่อรัฐ ในแปลงสัมปทานอื่น ๆ
นอกจากนี้ จะเชิญชวนผู้ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์รถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีของอิหร่านมาร่วมลงทุนในประเทศไทย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าอุปกรณ์ เอ็นจีวีเกือบทั้งหมดจากต่างประเทศทำให้ราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น หากสามารถผลิตบางชิ้นส่วนของอุปกรณ์ เอ็นจีวีในประเทศไทยได้ราคาจะถูกลงมาก นอกจากนั้น ยังได้เชิญชวนให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติของอิหร่าน (NIOC) เข้าร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริจด์ ทั้งระบบท่อเพื่อขยายการซื้อขายน้ำมันในแถบภูมิภาคเอเชีย โรงกลั่นน้ำมัน สำหรับตลาดในประเทศและเพื่อส่งออก และคลังน้ำมันดิบเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย
ด้านบริษัท ปตท. สนใจในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติในรูปแบบของเหลว (LNG) สำหรับใช้ในประเทศไทย หลังปี 2553 เนื่องจากราคาของ LNG ในปัจจุบันมีราคาถูกลง ใกล้เคียงกับราคาก๊าซธรรมชาติของไทย ในการเดินทางครั้งนี้จะมีการลงนามบันทึกความตกลงเบื้องต้น (MOU) ระหว่าง ปตท.กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอิหร่าน (NIOC) และบริษัทน้ำมันแห่งชาติของมาเลเซีย (Petronas) เพื่อตั้งคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนพัฒนาแหล่งก๊าซ (SOUTH PARS) phase 11 เพื่อนำ LNG จำนวน 4 ล้านตันต่อปีมาใช้ในประเทศไทย หลังปี 2553 นอกจากนั้นอิหร่านยังได้เสนอขายน้ำมันดิบให้กับประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังได้พบหารือกับ Mr.Hashemi Bahramani Akbar ประธานสภาปรองดองแห่งชาติของอิหร่าน (The Chirman of the Expediency Discemment Council of the System) เพื่อแสวงความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง ในโอกาสที่ปีหน้าจะครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-อิหร่าน