กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะต้องมีการจัดงานเคานต์ดาวน์ทุกปี เพื่อเป็นเการเฉลิมฉลองสู่ปีใหม่ ซึ่งเมืองไทยเราเริ่มทำกิจกรรมแบบนี้มาอย่างจริงจังเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ช่วงที่ก้าวย่างเข้าสู่ปี 2000
ทุกๆปีการแข่งขันของผู้ประกอบการที่จะร่วมกันจัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์นั้นมีรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งสถานที่และจำนวนผู้จัดอีเวนท์ก็เพิ่มขึ้นด้วย
ต้องยอมรับว่า กิจกรรมเคานต์ดาวน์นี้ นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศความสนุกสนานให้กับประชาชนผู้บริโภคทั่วไปแล้ว ยังได้ในแง่ของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและเป็นแบรนด์ที่อยู่ในความรู้สึกของบริโภคได้ด้วย สำหรับสินค้าที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์
ปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่มีการผนึกค่ายแบ่งเป็นขั้วเพื่อรุกจัดอีเวนท์เฉลิมฉลองนี้ อีกทั้งยังมีปรากฏการณ์ที่แยกขั้นเกิดขึ้นด้วยสำหรับสปอนเซอร์บางราย
ขาใหญ่ที่ร่วมจัดอีเวนท์ยักษ์ในปีนี้เช่น กลุ่มแรก คือ “ช่อง 3 - อาร์เอส.โปรโมชั่น-การกีฬาแห่งประเทศไทย” โต้โผใหญ่จัดขึ้นที่ สนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก โดยมีสปอนเซอร์จำนวนมาก และหนึ่งในนั้นมีกระทิงแดงย้ายวิกจากสะพานพระรามแปดปีที่แล้วมาที่นี่
กลุ่มที่สองคือ “ช่อง 7 – เจเอสแอล –การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” หัวขบวนที่ร่วมกันจัดขึ้นที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ชื่อ 2005 COUNTDOWN สุดเสียง/ เชียงใหม่” โดยมีพันธมิตรอย่าง เอไอเอส การบินไทย กสท. สิงห์
นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จก. กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้จัดงาน ทุ่มงบ 15-20 ล้านบาท จัดระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2547 จนถึงเที่ยงคืนครึ่งของวันที่ 1 มกราคม2548 ที่ สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่
ไฮไลท์ของงานจะมีนักเทนนิสระดับโลก ได้แก่ มาเรีย ซาราโปวา และวีนัส วิลเลี่ยม มาร่วมเคานต์ดาวน์ รวมทั้งศิลปินดาราจากช่อง 7 สี ร่วม 50 คน ภายในงานยังมีผู้สนับสนุนหลักร่วมแจกของรางวัล คาดว่าในปีนี้จะมีคนเข้าร่วมงานประมาณ 25,000-30,000 คน เทียบกับปีที่ผ่านมามีคนเข้าร่วมงานราว 35,000-40,000 คน ทั้งนี้สาเหตุที่ปีนี้คาดว่าจะมีคนเข้าร่วมงานน้อย เนื่องจากปีนี้ได้มีการเปลี่ยนสถานที่ในการจัดงาน ทำให้ปริมาณในการจุคนน้อยกว่าปีที่แล้ว
นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ปีนี้ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้เป็นผู้สนับสนุนการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ทั้งสิ้น 5-6 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ นครราชสีมา กรุงเทพและอุบลราชธานี ใช้งบราว 30 ล้านบาท สำหรับในจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม และมีสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่งผลให้ปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปที่จังหวัดเชียง 6 แสนคน โดยล่าสุดการบินไทย ได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เพื่อรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่
กลุ่มที่สาม “ช่องโมเดิร์นไนน์-แม็ทชิ่งเอนเตอร์เทนเม้นท์-กรุงเทพมหานคร-ดีแทค” หัวเรือใหญ่จัดงานขึ้นที่สะพานพระรามแปดชื่อว่า “HAPPY FESTIVAL 2005 BANGKOK COUNTDOWN” โดยทุ่มงบรวม 50 ล้านบาท คาดมีผู้ร่วมงาน 2 แสนคน จากปีที่แล้วมี 1.8 แสนคน
กลุ่มที่สี่ “ช่องไอทีวี-เอไอเอส” กับพันธมิตรอื่นจัดงานเคานต์ดาวน์ที่พัทยา จากเดิมที่ปักหลักอยู่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า
กลุ่มที่ห้า “ซีพีเอ็น-กรุงเทพมหานคร-การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย-สมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์” ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประสานงานกับทางสถานีโทรทัศน์ยังไม่สรุปว่าเป็นช่องใด ทุ่มงบรวม 25 ล้านบาทจัดขึ้นที่หน้าตึกเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ชิงรางวัลใหญ่ มาสด้า 3 มีคอนเสิร์ตจากเดอะสตาร์ และกิจกรรมอื่นๆมากมาย
ทุกแห่งจะมีคอนเสิร์ต กิจกรรม การละเล่น การขายของ งานรื่นเริงเหมือนกันทุกแห่ง แต่ก็จะมีลูกเล่นที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะการจุดพลุในช่วงเคานต์ดาวน์ และที่สำคัญทุกสินค้าย่อมได้รับผลดีในการสร้างความประทับใจในแบรนด์ให้กับผู้บริโภคด้วย
ทุกๆปีการแข่งขันของผู้ประกอบการที่จะร่วมกันจัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์นั้นมีรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งสถานที่และจำนวนผู้จัดอีเวนท์ก็เพิ่มขึ้นด้วย
ต้องยอมรับว่า กิจกรรมเคานต์ดาวน์นี้ นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศความสนุกสนานให้กับประชาชนผู้บริโภคทั่วไปแล้ว ยังได้ในแง่ของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและเป็นแบรนด์ที่อยู่ในความรู้สึกของบริโภคได้ด้วย สำหรับสินค้าที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์
ปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่มีการผนึกค่ายแบ่งเป็นขั้วเพื่อรุกจัดอีเวนท์เฉลิมฉลองนี้ อีกทั้งยังมีปรากฏการณ์ที่แยกขั้นเกิดขึ้นด้วยสำหรับสปอนเซอร์บางราย
ขาใหญ่ที่ร่วมจัดอีเวนท์ยักษ์ในปีนี้เช่น กลุ่มแรก คือ “ช่อง 3 - อาร์เอส.โปรโมชั่น-การกีฬาแห่งประเทศไทย” โต้โผใหญ่จัดขึ้นที่ สนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก โดยมีสปอนเซอร์จำนวนมาก และหนึ่งในนั้นมีกระทิงแดงย้ายวิกจากสะพานพระรามแปดปีที่แล้วมาที่นี่
กลุ่มที่สองคือ “ช่อง 7 – เจเอสแอล –การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” หัวขบวนที่ร่วมกันจัดขึ้นที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ชื่อ 2005 COUNTDOWN สุดเสียง/ เชียงใหม่” โดยมีพันธมิตรอย่าง เอไอเอส การบินไทย กสท. สิงห์
นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จก. กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้จัดงาน ทุ่มงบ 15-20 ล้านบาท จัดระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2547 จนถึงเที่ยงคืนครึ่งของวันที่ 1 มกราคม2548 ที่ สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่
ไฮไลท์ของงานจะมีนักเทนนิสระดับโลก ได้แก่ มาเรีย ซาราโปวา และวีนัส วิลเลี่ยม มาร่วมเคานต์ดาวน์ รวมทั้งศิลปินดาราจากช่อง 7 สี ร่วม 50 คน ภายในงานยังมีผู้สนับสนุนหลักร่วมแจกของรางวัล คาดว่าในปีนี้จะมีคนเข้าร่วมงานประมาณ 25,000-30,000 คน เทียบกับปีที่ผ่านมามีคนเข้าร่วมงานราว 35,000-40,000 คน ทั้งนี้สาเหตุที่ปีนี้คาดว่าจะมีคนเข้าร่วมงานน้อย เนื่องจากปีนี้ได้มีการเปลี่ยนสถานที่ในการจัดงาน ทำให้ปริมาณในการจุคนน้อยกว่าปีที่แล้ว
นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ปีนี้ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้เป็นผู้สนับสนุนการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ทั้งสิ้น 5-6 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ นครราชสีมา กรุงเทพและอุบลราชธานี ใช้งบราว 30 ล้านบาท สำหรับในจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม และมีสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่งผลให้ปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปที่จังหวัดเชียง 6 แสนคน โดยล่าสุดการบินไทย ได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เพื่อรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่
กลุ่มที่สาม “ช่องโมเดิร์นไนน์-แม็ทชิ่งเอนเตอร์เทนเม้นท์-กรุงเทพมหานคร-ดีแทค” หัวเรือใหญ่จัดงานขึ้นที่สะพานพระรามแปดชื่อว่า “HAPPY FESTIVAL 2005 BANGKOK COUNTDOWN” โดยทุ่มงบรวม 50 ล้านบาท คาดมีผู้ร่วมงาน 2 แสนคน จากปีที่แล้วมี 1.8 แสนคน
กลุ่มที่สี่ “ช่องไอทีวี-เอไอเอส” กับพันธมิตรอื่นจัดงานเคานต์ดาวน์ที่พัทยา จากเดิมที่ปักหลักอยู่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า
กลุ่มที่ห้า “ซีพีเอ็น-กรุงเทพมหานคร-การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย-สมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์” ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประสานงานกับทางสถานีโทรทัศน์ยังไม่สรุปว่าเป็นช่องใด ทุ่มงบรวม 25 ล้านบาทจัดขึ้นที่หน้าตึกเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ชิงรางวัลใหญ่ มาสด้า 3 มีคอนเสิร์ตจากเดอะสตาร์ และกิจกรรมอื่นๆมากมาย
ทุกแห่งจะมีคอนเสิร์ต กิจกรรม การละเล่น การขายของ งานรื่นเริงเหมือนกันทุกแห่ง แต่ก็จะมีลูกเล่นที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะการจุดพลุในช่วงเคานต์ดาวน์ และที่สำคัญทุกสินค้าย่อมได้รับผลดีในการสร้างความประทับใจในแบรนด์ให้กับผู้บริโภคด้วย