xs
xsm
sm
md
lg

สร.กฟผ.เสนอแนวทางใหม่แทนเข้าตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ว่าการ กฟผ.ชี้แจงอนาคตและทิศทาง กฟผ. ยอมรับถูกรัฐบาลบีบในหลายทางเพื่อให้แปรรูป ด้านประธานสหภาพชี้ทางออกของผู้บริหารมีแต่แนวคิดการแปรรูป เตรียมเปิดเวทีหลังปีใหม่เพื่อถกถึงปัญหาอีกครั้ง พร้อมแนะช่องทางใหม่ใช้การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ แทนการเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คณะผู้บริหารได้เปิดเวทีชี้แจงถึงแนวทางในการกำหนดอนาคตของ กฟผ.ให้พนักงานรับฟังตามคำเชิญของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ.โดยมีพนักงานเข้าร่วมรับฟังประมาณ 1,000 คน พร้อมทั้งได้มีการถ่ายทอดสดไปยังสำนักงานภูมิภาคทั่วประเทศด้วย

นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวชี้แจงว่า การกำหนดอนาคตของ กฟผ. เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับประชาชน ในฐานะที่เป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศ ซึ่งการพิจารณาจะต้องมีความรอบคอบและต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องคงความเป็นองค์กรที่มีการบริหารจัดการด้านการผลิตและระบบส่งไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพตามนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ การดำเนินการยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการรวบรวมและประมวลข้อมูล รวมถึงข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับทางเลือกรูปแบบองค์กรของ กฟผ.ในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีรูปแบบที่เสนอเพิ่มเติมเข้ามาจากเดิม 14 แนวทาง เป็น 18 แนวทางแล้ว และผู้บริหารได้มีการชี้แจงสร้างความเข้าใจกับพนักงานทุกระดับเพื่อให้พนักงานได้ตัดสินใจเลือกแนวทางที่เหมาะสม และหลังจากนี้คณะทำงานจะพิจารณากลั่นกรองให้เหลือเพียง 2-3 แนวทาง เพื่อนำไปเสนอและเจรจากับรัฐบาลต่อไป

นายไกรสีห์ กล่าวว่า เพื่อให้ กฟผ.เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต จึงจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่รัฐบาลได้ส่งสัญญาณว่าหลังปี 2553 เป็นต้นไป จะเปิดให้เอกชนผลิตไฟฟ้าแข่งขันกับ กฟผ.ได้อย่างเสรี ยิ่งทำให้ กฟผ.ต้องเร่งปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่จะมาถึง

“หาก กฟผ. ไม่เปลี่ยนแปลง เราก็จะไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ เมื่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ไม่ได้ สัดส่วนในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าของเราก็จะลดลง จากปัจจุบันที่กว่าร้อยละ 50 ก็จะเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ขณะที่โรงไฟฟ้าของเอกชนก็จะมีมากขึ้น ในที่สุด กฟผ.ก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีรายได้ เนื่องจากไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าแข่งขันได้ และผลกระทบก็จะตกแก่ประชาชนที่จะต้องใช้ไฟฟ้าในราคาที่แพงขึ้นจากโรงไฟฟ้าของเอกชน” นายไกรสีห์ กล่าว

นายไกรสีห์ กล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้ กฟผ. ได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลในหลาย ๆ ทาง อาทิ การค้ำประกันเงินกู้ โดยอ้างถึงเรื่องการควบคุมหนี้สาธารณะเพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ การปรับโครงสร้างราคาค่าไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด ทำให้รายได้ของ กฟผ. ลดลง การกดดันให้ กฟผ. แยกโรงไฟฟ้าและระบบสายส่งออกจากกัน เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขันกับเอกชน รวมทั้งเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ ที่พนักงาน กฟผ. จะได้รับด้วย

“วันนี้ กฟผ.กำลังเผชิญกับความท้าทายในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต การรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ การปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กร รวมทั้งต้องสร้างโอกาสในการเติบโตในหน้าที่การงานให้แก่พนักงานด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้รัฐบาลก็ไม่ได้เร่ง กฟผ. ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ กฟผ.เอง แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ได้รอ โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้า ดังนั้น หาก กฟผ.ไม่เดินหน้า อาจจะต้องกลายสภาพเป็นเหมือนรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ที่ไม่มีการพัฒนาตนเอง” นายไกรสีห์ กล่าว

ด้านนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) กล่าวตอบโต้ว่าสิ่งที่ผู้ว่าการ กฟผ. พูดถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น แท้ที่จริงแล้วก็หมายถึงการแปรรูปหรือไม่แปรรูปนั่นเอง ซึ่งแนวทางส่วนใหญ่ที่ฝ่ายบริหารเสนอมานั้นล้วนมีเป้าหมายที่จะนำ กฟผ. เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น สหภาพจึงเห็นว่าแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนคือการคง กฟผ. ไว้ให้เป็นองค์กรของรัฐ ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยมีเจตนารมณ์ที่ไม่ต้องการให้แปรสภาพ กฟผ. เป็นบริษัท พร้อมทั้งกำหนดให้รัฐบาลต้องดูแลกิจการไฟฟ้าไว้เพื่อประชาชน

“ปัญหาวันนี้อยู่ที่ กฟผ.ไม่มีเงินลงทุน ซึ่งน่าจะมีทางออกที่ดีกว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ สหภาพและพนักงานเองก็ได้พยายามเสนอแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อคงความเป็น กฟผ.ไว้ วันนี้การแปรรูปเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งหลังจากปีใหม่จะเชิญผู้นำองค์กรต่าง ๆ มาร่วมกันจัดเวทีชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่า กฟผ. ถูกรัฐบาลบีบอย่างไร และใช้วิธีไหนทำให้ประชาชนรู้สึกว่าจะได้รับผลกระทบหาก กฟผ. ไม่แปรรูป” นายศิริชัย กล่าว

นายศิริพงษ์ บุญปลีก คณะทำงานเพื่อรักษา พ.ร.บ.กฟผ. และตัวแทนพนักงาน กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องนำ กฟผ. เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ กฟผ.สามารถที่จะหาเงินเพื่อลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ โดยการจัดหาเงินทุนในรูปแบบ Securitization หรือการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ.2540 โดยข้อดีของการดำเนินการดังกล่าวคือไม่ต้องแปรรูป กฟผ.โดยนำเข้าตลาด แต่ยังสามารถที่จะระดมเงินทุนได้ ยังทำให้มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ ลดภาระหนี้สาธารณะได้ และประชาชนยังสามารถใช้ไฟฟ้าในราคาถูก

“รูปแบบดังกล่าวนี้ปัจจุบันศูนย์ราชการต่าง ๆ ของไทยก็มีการนำมาใช้กัน ซึ่งก็พบว่าไม่เคยมีที่ใดประสบปัญหาก่อหนี้สาธารณะเลย ดังนั้น กฟผ.เองก็น่าจะมีโอกาสได้ทำในลักษณะนี้เช่นกัน เพราะเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะระดมทุน โดยไม่ต้องเข้าตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะเปิดโอกาสให้ กฟผ.หรือไม่ หรือจะยังดึงดันที่จะนำ กฟผ.เข้าตลาดเพื่อหวังให้ช่วยเพิ่มมูลค่าตลาดรวมให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น” นายศิริพงษ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น