เนกซ์สเตป สุดทน บุกพบนายกรัฐมนตรี ถามหาความเป็นธรรม นโยบายรายการเด็กของช่อง 5 หายไปไหน อ้างเป็นแฟมิลี่ทีวี แต่กลับถอดรายการสำรวจโลกออก ทั้งที่ทำเรตติ้งได้ดี ด้านผอ.ช่อง 5 ดึง 2 บริษัทใหม่บริหารเวลาโฆษณาช่วงข่าว เตรียมฟ้องเดอะมีเดียติดหนี้ค้างชำระ
นายอมรภัทร ชมรัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เนกซ์สเตป จำกัด ผู้ผลิตรายการ “สำรวจโลก”ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลเด็กและเยาวชน เนื่องจากรายการสำรวจโลกถูกถอดออกจากผังรายการของช่อง 5 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 48 เป็นต้นไป
นายอมรภัทร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้ให้นโยบายกับทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ อยากให้ผลิตรายการเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้ ส่งเสริมด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว ซึ่งรายการสำรวจโลก ก็ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ทำรายการสำรวจโลกซึ่งออกอากาศมา 5 ปีแล้ว เรตติ้งผู้ชมรายการมีประมาณ 1-2 ล้านคนต่อจำนวน 10 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูงสูดในช่วงเวลานั้น มีผู้ชมตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ถือว่าเป็นการส่งเสริมความอบอุ่นในครอบครัวเพราะสามารถดูกันได้หมด ไม่เป็นอันตรายต่อเยาวชน และรายการก็ออกอากาศเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“เราทำรายการตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว แต่เราถูกถอดออกก็รู้สึกเสียใจ ที่รัฐบาลหวังที่จะให้มีรายการเกี่ยวกับการเรียนรู้การศึกษาของเด็กและเยาวชนนั้น ต่อไปนี้ก็จะไม่มีแล้ว มันไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งใจไว้แล้ว ช่อง 5 เป็นสื่อของรัฐ ถ้าสื่อของรัฐไม่ให้เราทำรายการที่มีประโยชน์อย่างนี้ก็คงไม่ต้องไปหวังสื่อจากช่องอื่นที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ซึ่งทราบว่ารายการที่จะมาแทนรายการสำรวจโลกเป็นละครของคุณบอย (ถกลเกียรติ วีระวรรณ) นอกจากนี้ยังมีรายการ บ้านเลขที่ 5 ของเดอะมีเดียออฟมีเดียส์ ก็ถูกถอดออกเช่นกัน ส่วนรายการ ที่นี่ประเทศไทย ทราบว่าได้ย้ายไปอยู่ในช่วงเช้า จากเรตติ้งผู้ชมเป็นล้าน กลับมาเป็นแสน ซึ่งรายการนี้ก็ไม่ได้มีกำไรมหาศาล เพราะการผลิตเราไม่ได้มองที่เม็ดเงิน แต่มองที่คุณค่าของงานมากกว่า จึงอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยพิจารณาว่าจะเป็นอย่างไร”
ที่ผ่านมาทางบริษัท เคยเข้าไปสอบถามกับผอ.ช่อง 5 ถึงเหตุผลที่ถูกถอดรายการออก ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีที่ลงให้กับรายการ ซึ่งก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะผอ.ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจที่จะพิจารณาได้ และการมายื่นหนังสือครั้งนี้ก็คาดหวังว่า คงเป็นครั้งสุดท้ายของรายการเหล่านี้ที่จะมาพูด เพราะหลายรายการก็พยายามที่จะพัฒนารายการที่เป็นประโยชน์ แต่เมื่อมาเจออย่างนี้ก็หมดกำลังใจกันหมดแล้ว เมื่อถามว่าคิดว่าเหตุผลที่ถูกถอดรายการออกเพราะอะไร นายอมรภัทร กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลจริง ๆ ได้รับการชี้แจงแค่ว่าไม่มีที่ให้ลง ซึ่งได้แจ้งล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งบริษัทฯไม่เคยค้างค่าเช่าเลย แต่ให้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ
ช่อง5เตรียมฟ้องเดอะมีเดีย
พลโท เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เปิดเผยว่า ททบ.5 ได้คัดเลือกบริษัทเอกชน 2 ราย คือ บริษัทบริษัท เอ็น เอส มีเดีย จำกัดและบริษัท อาร์.ดี.ดี. จำกัด เข้ามาดำเนินการบริหารการตลาดในส่วนของโฆษณา ให้กับรายการข่าวสั้น และข่าวภาคค่ำตามลำดับ ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ตกลงที่จะจ่ายผลตอบแทนให้แก่ ททบ. 5 เป็นจำนวนเงิน 160 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณเดือนละ 13 ล้านบาท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
ททบ.5 ได้ทำสัญญากับบริษัททั้ง 2 เป็นเวลา 1 ปี เช่นเดียวกับ ที่ทำกับบริษัทเดอะมีเดีย และบริษัทอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โดยวงเงินก็เป็นจำนวนเท่าเดิมไม่ได้เพิ่มเติม
“ทั้ง 2 บริษัท เข้ามาแทนบริษัท เดอะมีเดีย ที่ได้สิทธิ์การขายโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งจะหมดสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2547 ซึ่งหากจะนับเวลาถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ เดอะมีเดียจะมีหนี้ค้างชำระค่าบริหารเวลาขายโฆษณาในช่วงข่าวเป็นจำนวนราว 130 ล้านบาท”
ดังนั้นภายหลังจากวันสิ้นสุดสัญญากับบริษัทเดอะมีเดีย หากบริษัทเดอะมีเดียยังไม่นำเงินที่ติดค้างมาชำระ ททบ. 5 จะให้ฝ่ายกฎหมายของททบ. 5 เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ เพราะเดอะมีเดีย ขาดชำระค่าเช่าเวลา กับทางททบ.5 ตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นมา โดยอ้างว่า ททบ. 5 ทำผิดสัญญาด้วยการมีโฆษณาแฝงในช่วงข่าว ซึ่งไม่เป็นความจริง และก่อนหน้านี้ ททบ.5 ได้ยกเลิกการ ออกอากาศ 3 รายการของเดอะ มีเดียไปตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามการที่ปีนี้ ททบ.5 คัดเลือกบริษัทเข้ามาบริหารเวลาโฆษณาในช่วงข่าวถึง 2 รายเพราะต้องปฎิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบกที่ต้องการให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการไม่ต่ำกว่า 2 ราย เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินงาน
สำหรับรายได้ของททบ.5 ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เท่ากับปีก่อน เพราะสถานีไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าเช่าเวลา ประกอบกับเรทติ้งในช่วง ที่ผ่านมาตกลงอย่างมาก จากอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 5 มีส่วนแบ่งผู้ชมเหลือ 7% จากเดิมที่ 12% โดยตำแหน่งที่เสียไป ตกเป็นของ ช่อง 9 และ ไอทีวี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการปรับผังรายการมาตลอดทั้งปี ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเกิดจาปัญหาของช่อง 5 ที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการนำสถานีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตอนนี้แผนดังกล่าวได้ยกเลิกอย่างถาวรแล้ว จึงต้องการหันมาสร้างเรตติ้งของททบ.5ให้กลับมาอยู่ที่เดิมหรือเพิ่มชึ้น ซึ่งตรงนี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผังรายการปี 2548 ททบ.5จึงมีละครหลังข่าวทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในส่วนของรายการประเภทมิวสิควิดีโอ ซึ่งมองว่าเป็นรายการที่ไม่ได้ลงทุนเรื่องการผลิตมากนัก จึงมีแนวคิดที่จะปรับขึ้นค่าเช่าเวลาสำหรับรายการในกลุ่มนี้อีก 25% ส่วนรายการกลุ่มอื่นๆ จะยังคงค่าเช่าเวลาไว้เท่าเดิม เพื่อต้องการให้ผู้ผลิตนำเงินไปใช้ในการผลิตรายการที่มีคุณภาพได้เพิ่มขึ้น
นายอมรภัทร ชมรัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เนกซ์สเตป จำกัด ผู้ผลิตรายการ “สำรวจโลก”ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลเด็กและเยาวชน เนื่องจากรายการสำรวจโลกถูกถอดออกจากผังรายการของช่อง 5 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 48 เป็นต้นไป
นายอมรภัทร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้ให้นโยบายกับทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ อยากให้ผลิตรายการเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้ ส่งเสริมด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว ซึ่งรายการสำรวจโลก ก็ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ทำรายการสำรวจโลกซึ่งออกอากาศมา 5 ปีแล้ว เรตติ้งผู้ชมรายการมีประมาณ 1-2 ล้านคนต่อจำนวน 10 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูงสูดในช่วงเวลานั้น มีผู้ชมตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ถือว่าเป็นการส่งเสริมความอบอุ่นในครอบครัวเพราะสามารถดูกันได้หมด ไม่เป็นอันตรายต่อเยาวชน และรายการก็ออกอากาศเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“เราทำรายการตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว แต่เราถูกถอดออกก็รู้สึกเสียใจ ที่รัฐบาลหวังที่จะให้มีรายการเกี่ยวกับการเรียนรู้การศึกษาของเด็กและเยาวชนนั้น ต่อไปนี้ก็จะไม่มีแล้ว มันไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งใจไว้แล้ว ช่อง 5 เป็นสื่อของรัฐ ถ้าสื่อของรัฐไม่ให้เราทำรายการที่มีประโยชน์อย่างนี้ก็คงไม่ต้องไปหวังสื่อจากช่องอื่นที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ซึ่งทราบว่ารายการที่จะมาแทนรายการสำรวจโลกเป็นละครของคุณบอย (ถกลเกียรติ วีระวรรณ) นอกจากนี้ยังมีรายการ บ้านเลขที่ 5 ของเดอะมีเดียออฟมีเดียส์ ก็ถูกถอดออกเช่นกัน ส่วนรายการ ที่นี่ประเทศไทย ทราบว่าได้ย้ายไปอยู่ในช่วงเช้า จากเรตติ้งผู้ชมเป็นล้าน กลับมาเป็นแสน ซึ่งรายการนี้ก็ไม่ได้มีกำไรมหาศาล เพราะการผลิตเราไม่ได้มองที่เม็ดเงิน แต่มองที่คุณค่าของงานมากกว่า จึงอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยพิจารณาว่าจะเป็นอย่างไร”
ที่ผ่านมาทางบริษัท เคยเข้าไปสอบถามกับผอ.ช่อง 5 ถึงเหตุผลที่ถูกถอดรายการออก ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีที่ลงให้กับรายการ ซึ่งก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะผอ.ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจที่จะพิจารณาได้ และการมายื่นหนังสือครั้งนี้ก็คาดหวังว่า คงเป็นครั้งสุดท้ายของรายการเหล่านี้ที่จะมาพูด เพราะหลายรายการก็พยายามที่จะพัฒนารายการที่เป็นประโยชน์ แต่เมื่อมาเจออย่างนี้ก็หมดกำลังใจกันหมดแล้ว เมื่อถามว่าคิดว่าเหตุผลที่ถูกถอดรายการออกเพราะอะไร นายอมรภัทร กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลจริง ๆ ได้รับการชี้แจงแค่ว่าไม่มีที่ให้ลง ซึ่งได้แจ้งล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งบริษัทฯไม่เคยค้างค่าเช่าเลย แต่ให้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ
ช่อง5เตรียมฟ้องเดอะมีเดีย
พลโท เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เปิดเผยว่า ททบ.5 ได้คัดเลือกบริษัทเอกชน 2 ราย คือ บริษัทบริษัท เอ็น เอส มีเดีย จำกัดและบริษัท อาร์.ดี.ดี. จำกัด เข้ามาดำเนินการบริหารการตลาดในส่วนของโฆษณา ให้กับรายการข่าวสั้น และข่าวภาคค่ำตามลำดับ ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ตกลงที่จะจ่ายผลตอบแทนให้แก่ ททบ. 5 เป็นจำนวนเงิน 160 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณเดือนละ 13 ล้านบาท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
ททบ.5 ได้ทำสัญญากับบริษัททั้ง 2 เป็นเวลา 1 ปี เช่นเดียวกับ ที่ทำกับบริษัทเดอะมีเดีย และบริษัทอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โดยวงเงินก็เป็นจำนวนเท่าเดิมไม่ได้เพิ่มเติม
“ทั้ง 2 บริษัท เข้ามาแทนบริษัท เดอะมีเดีย ที่ได้สิทธิ์การขายโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งจะหมดสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2547 ซึ่งหากจะนับเวลาถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ เดอะมีเดียจะมีหนี้ค้างชำระค่าบริหารเวลาขายโฆษณาในช่วงข่าวเป็นจำนวนราว 130 ล้านบาท”
ดังนั้นภายหลังจากวันสิ้นสุดสัญญากับบริษัทเดอะมีเดีย หากบริษัทเดอะมีเดียยังไม่นำเงินที่ติดค้างมาชำระ ททบ. 5 จะให้ฝ่ายกฎหมายของททบ. 5 เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ เพราะเดอะมีเดีย ขาดชำระค่าเช่าเวลา กับทางททบ.5 ตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นมา โดยอ้างว่า ททบ. 5 ทำผิดสัญญาด้วยการมีโฆษณาแฝงในช่วงข่าว ซึ่งไม่เป็นความจริง และก่อนหน้านี้ ททบ.5 ได้ยกเลิกการ ออกอากาศ 3 รายการของเดอะ มีเดียไปตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามการที่ปีนี้ ททบ.5 คัดเลือกบริษัทเข้ามาบริหารเวลาโฆษณาในช่วงข่าวถึง 2 รายเพราะต้องปฎิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบกที่ต้องการให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการไม่ต่ำกว่า 2 ราย เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินงาน
สำหรับรายได้ของททบ.5 ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เท่ากับปีก่อน เพราะสถานีไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าเช่าเวลา ประกอบกับเรทติ้งในช่วง ที่ผ่านมาตกลงอย่างมาก จากอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 5 มีส่วนแบ่งผู้ชมเหลือ 7% จากเดิมที่ 12% โดยตำแหน่งที่เสียไป ตกเป็นของ ช่อง 9 และ ไอทีวี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการปรับผังรายการมาตลอดทั้งปี ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเกิดจาปัญหาของช่อง 5 ที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการนำสถานีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตอนนี้แผนดังกล่าวได้ยกเลิกอย่างถาวรแล้ว จึงต้องการหันมาสร้างเรตติ้งของททบ.5ให้กลับมาอยู่ที่เดิมหรือเพิ่มชึ้น ซึ่งตรงนี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผังรายการปี 2548 ททบ.5จึงมีละครหลังข่าวทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในส่วนของรายการประเภทมิวสิควิดีโอ ซึ่งมองว่าเป็นรายการที่ไม่ได้ลงทุนเรื่องการผลิตมากนัก จึงมีแนวคิดที่จะปรับขึ้นค่าเช่าเวลาสำหรับรายการในกลุ่มนี้อีก 25% ส่วนรายการกลุ่มอื่นๆ จะยังคงค่าเช่าเวลาไว้เท่าเดิม เพื่อต้องการให้ผู้ผลิตนำเงินไปใช้ในการผลิตรายการที่มีคุณภาพได้เพิ่มขึ้น


