สำนักวิจัยธนาคารไทยธนาคารหวั่นสถานการณ์ใต้ต่อเนื่องกระทบท่องเที่ยวปีหน้า คาดจำนวนนักท่องเที่ยวโตไม่เกิน 10 % หรือไม่เกิน 12-13 ล้านคน จะมีรายได้เพียง 3.8-4.2 แสนล้าน แต่ เชื่อการลงทุนในภาคใต้โดยรวมยังดีอยู่ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการส่งออกของประเทศ
สำนักวิจัย ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) เผยแพร่รายงานวิจัยเรื่อง ความรุนแรงทางภาคใต้ … ผลต่อการท่องเที่ยวและการลงทุนของไทย โดยสำนักวิจัยประเมินว่า หากสถานการณ์ความรุนแรงและเหตุการณ์ลอบทำร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง คาดว่า ในปี 2548 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยจะขยายตัวไม่เกินร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2547 หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 12 - 13 ล้านคน และจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 3.8 - 4.2 แสนล้านบาท
สำนักวิจัย มีความเห็นว่า การทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมในช่วงปลายปี 2547 และความร่วมแรง ร่วมใจของชาวไทยทั้งประเทศ ด้วยการพับนกแสดงพลังสามัคคีที่มีต่อกัน เพื่อส่งเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2547 ให้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยสำนักวิจัยประเมินว่าหากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นอีก และส่งผลกระทบด้านจิตวิทยาต่อการท่องเที่ยวของไทยเป็นวงกว้าง คาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศในไตรมาส 4/47 จะมีจำนวนประมาณ 2.6 ล้านคน ลดลงร้อยละ 9.4 จากไตรมาส 3/47
ส่วนกรณีที่ยังมีเหตุการณ์ลอบทำร้ายเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ แต่จำกัดผลกระทบเฉพาะพื้นที่ จะส่งผลด้านจิตวิทยาต่อการท่องเที่ยวของไทยในระดับหนึ่ง คาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศในไตรมาส 4/47 จะมีจำนวนประมาณ 2.9 ล้านคน เพิ่มร้อยละ 2.6 จากไตรมาส 3/47 และสำหรับกรณีที่ความรุนแรงเริ่มคลี่คลายลง และไม่มีเหตุการณ์ลอบทำร้ายเกิดขึ้นซ้ำ คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างประเทศในไตรมาส 4/47 จะมีจำนวนประมาณ 3.5 ล้านคน เพิ่มร้อยละ 22.9 จากไตรมาส 3/47
นอกจากนี้สำนักวิจัยยังมองว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ความรุนแรงได้ขยายไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสาเหตุสำคัญที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงเป็นลำดับตั้งแต่ต้นปี 2547
ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการสำนักวิจัย และ ผู้อำนวยการด้านจัดการกองทุน มีความเห็นว่าการลงทุนในภาคใต้โดยรวมยังค่อนข้างดี ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการส่งออกของประเทศ ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวในระดับสูงโดยเฉพาะราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมทั้งการขยายตัวของการท่องเที่ยว ในขณะที่ปัญหาความรุนแรงทางภาคใต้แม้ว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังจำกัดเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคใต้โดยรวม และขนาดของเศรษฐกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาการว่างงาน การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นของประชาชนใน 3 จังหวัดจะช่วยแก้ไขปัญหาความไม่สงบให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำนักวิจัยชี้ว่า สถานการณ์การลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนและแรงงานไม่มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัย แม้รัฐบาลพยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจและจูงใจให้เกิดการลงทุนก็ตาม หากต้องการให้สถานการณ์ฟื้นกลับมาโดยเร็วจำเป็นต้องใช้ทั้งมาตรการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการภาษีเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนในพื้นที่อย่างเต็มที่
สำนักวิจัย ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) เผยแพร่รายงานวิจัยเรื่อง ความรุนแรงทางภาคใต้ … ผลต่อการท่องเที่ยวและการลงทุนของไทย โดยสำนักวิจัยประเมินว่า หากสถานการณ์ความรุนแรงและเหตุการณ์ลอบทำร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง คาดว่า ในปี 2548 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยจะขยายตัวไม่เกินร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2547 หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 12 - 13 ล้านคน และจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 3.8 - 4.2 แสนล้านบาท
สำนักวิจัย มีความเห็นว่า การทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมในช่วงปลายปี 2547 และความร่วมแรง ร่วมใจของชาวไทยทั้งประเทศ ด้วยการพับนกแสดงพลังสามัคคีที่มีต่อกัน เพื่อส่งเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2547 ให้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยสำนักวิจัยประเมินว่าหากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นอีก และส่งผลกระทบด้านจิตวิทยาต่อการท่องเที่ยวของไทยเป็นวงกว้าง คาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศในไตรมาส 4/47 จะมีจำนวนประมาณ 2.6 ล้านคน ลดลงร้อยละ 9.4 จากไตรมาส 3/47
ส่วนกรณีที่ยังมีเหตุการณ์ลอบทำร้ายเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ แต่จำกัดผลกระทบเฉพาะพื้นที่ จะส่งผลด้านจิตวิทยาต่อการท่องเที่ยวของไทยในระดับหนึ่ง คาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศในไตรมาส 4/47 จะมีจำนวนประมาณ 2.9 ล้านคน เพิ่มร้อยละ 2.6 จากไตรมาส 3/47 และสำหรับกรณีที่ความรุนแรงเริ่มคลี่คลายลง และไม่มีเหตุการณ์ลอบทำร้ายเกิดขึ้นซ้ำ คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างประเทศในไตรมาส 4/47 จะมีจำนวนประมาณ 3.5 ล้านคน เพิ่มร้อยละ 22.9 จากไตรมาส 3/47
นอกจากนี้สำนักวิจัยยังมองว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ความรุนแรงได้ขยายไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสาเหตุสำคัญที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงเป็นลำดับตั้งแต่ต้นปี 2547
ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการสำนักวิจัย และ ผู้อำนวยการด้านจัดการกองทุน มีความเห็นว่าการลงทุนในภาคใต้โดยรวมยังค่อนข้างดี ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการส่งออกของประเทศ ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวในระดับสูงโดยเฉพาะราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมทั้งการขยายตัวของการท่องเที่ยว ในขณะที่ปัญหาความรุนแรงทางภาคใต้แม้ว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังจำกัดเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคใต้โดยรวม และขนาดของเศรษฐกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาการว่างงาน การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นของประชาชนใน 3 จังหวัดจะช่วยแก้ไขปัญหาความไม่สงบให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำนักวิจัยชี้ว่า สถานการณ์การลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนและแรงงานไม่มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัย แม้รัฐบาลพยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจและจูงใจให้เกิดการลงทุนก็ตาม หากต้องการให้สถานการณ์ฟื้นกลับมาโดยเร็วจำเป็นต้องใช้ทั้งมาตรการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการภาษีเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนในพื้นที่อย่างเต็มที่