เดอะมอลล์ กรุ๊ปอวดโฉมรูปแบบใหม่สาขาบางกะปิ หลังทุ่มงบกว่า 800 ล้านบาทจับแต่งตัวใหม่ ชูคอนเซปต์แฟชั่นมอลล์ เรียงคิวรีโนเวตต่อเนื่อง หลังปรับพบแบรนด์ไทยเหลือเพียง 60% ระบุหากลูกค้าตอบรับดีเล็งเพิ่มแบรนด์นอกเป็น 50% เร่งผู้เช่าพื้นที่ปรับร้านใหม่ รายใดไม่ทำตามขอพื้นที่คืน พร้อมโละตู้คีออสขายของออกรับแนวคิดใหม่
นางสาวอัจฉรา อัมพุช ผู้ช่วยรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้เดอะมอลล์ สาขาบางกะปิพร้อมที่เปิดตัวรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด "Totally News Senseโฉมใหม่จรดปลายเท้า" ที่เน้นความเป็นแฟชั่นมอลล์ ภาพลักษณ์ความทันสมัย หลังจากที่ใช้งบในการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งสาขาดังกล่าวเป็นสาขาที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 10 ปีภายใต้รูปแบบ แมส มาร์เก็ต
การปรับโฉมครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการจับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นมีกำลังซื้อมากขึ้น และหันมาซื้อสินที่มีรสนิยม ทันสมัย และเลือกสรรสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น เดอะมอลล์จึงต้องปรับสินค้าให้เป็นแบบเทรนดี้ เน้นสินค้าแฟชั่น โดยดึงแบรนด์จากต่างประเทศมากขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มระดับกลางถึงบน แต่ไม่ถึงระดับไฮเอนด์
ปัจจัยที่เลือกปรับปรุงสาขาบางกะปิก่อน เนื่องจากมียอดขายเป็นอันดับ 1 และเพื่อเป็นต้นแบบของภาพลักษณ์ในการทยอยปรับสาขาอื่นต่อไป โดยคาดว่าจะทำให้จำนวนลูกค้าของเดอะมอลล์เพิ่มขึ้น 10% และยอดขายของเดอะมอลล์ บางกะปิในปีหน้าจะขยับตัวสูงขึ้น 10-15% โดยได้ปรับปรุงพื้นที่ไปทั้งสิ้น 40,000 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมด 45,000 ตารางเมตร ส่วนเดอะมอลล์งามวงศ์วานขณะนี้ใกล้ปรับปรุงเสร็จแล้วเช่นกัน คาดว่าจะเปิดตัวโฉมใหม่ที่มีรูปแบบเดียวกับสาขาบางกะปิในอีก 2 สัปดาห์
นางสาวมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารสินค้าสตรี บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สำหรับการปรับพื้นที่เช่าภายในห้างฯ จะทยอยปรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีการเจรจาระหว่างผู้เช่าพื้นที่ให้ทำการปรับปรุงร้านให้มีรูปแบบทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับรูปและภาพลักษณ์ใหม่ของห้างฯ
โดยที่ร้านค้าก็จะต้องปรับให้เสร็จภายในปีหน้า ซึ่งหากทางร้านใดไม่มีแผนปรับปรุง ทางบริษัทอาจจะพิจารณาขอซื้อพื้นที่คืน รวมถึงจะปรับพื้นที่ตู้คีออสทั้งหมดออก
หลังจากการปรับปรุงเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ ทำให้สัดส่วนระหว่างแบรนด์ไทยลดเหลือ 60% จากเดิม 80% และอินเตอร์แบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิมมีเพียง 20% ซึ่งหากมีแนวโน้มที่ดีอาจจะเป็นปรับให้มีสัดส่วน 50% เท่ากัน
ในส่วนของแผนกบริหารสินค้าสตรี ของสาขาบางกะปิมีการเปลี่ยนแปลงทุกส่วน โดยเฉพาะแผนกบิวตี้ ฮอลล์ ได้ปรับพื้นที่ใหม่ให้มีขนาดเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร เป็น 2,500 ตารางเมตร หรือเพิ่มอีกกว่า 60% และมีการจัดโซนบิวตี้ รูมเพื่อให้บริการนวดหน้าและตัว เป็นแห่งแรก
นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่ 100 ตารางเมตร สำหรับเคานเตอร์แผนกเครื่องสำอาจสำหรับผู้ชาย โดยหลังจากการปรับพื้นที่ในครั้งนี้คาดว่าจะสามารถ ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 60% ทั้งนี้ ได้ขยายพื้นที่จากเดิมในแผนกอื่นๆ เพิ่มขึ้น อาทิ แผนกบูติกสตรีเพิ่มขึ้น 15% แผนกเครื่องหนังสตรี เพิ่มสินค้าในกลุ่มแฟชั่น 30% โดยตั้งเป้ายอดขายจะต้องเพิ่มขึ้น 20% ภาพรวมแผนกผู้หญิงทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 25% ส่วนแผนกของแต่งบ้าน ได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น 15% คาดว่าจะมียอดขายจากแผนกนี้เพิ่มขึ้น 20%
ส่วนแผนกพาวเวอร์คอบเซป อาทิ แผนกของเล่นเด็กได้ถูกปรับลดลง และเพิ่มแผนก บี เทรนด์ เข้ามาแทน ซึ่งขณะนี้มียอดขายเติบโตไปกว่า 30%
สำหรับการปรับโฉมของเดอะมอลล์ในสาขาอื่นๆ จะทยอยดำเนินการต่อไป หลังจากเสร็จสาขาบางกะปิและงามวงศ์วานแล้ว โดยเตรียมที่จะปรับปรุงสาขาท่าพระ และสาขาบางแค ในขณะที่สาขารามคำแหง ยังอยู่ในกรณีศึกษา เนื่องจากเป็นสาขาเดียวที่มี 2 ฝั่ง
การปรับโฉมของสาขาอื่นๆ นั้น จะเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ หรือปรับเฉพาะบางส่วน อาทิ สาขาท่าพระ วางแผนจะเพิ่มพื้นที่จากเดิม 27,000 ตารางเมตร เป็น 42,000 ตารางเมตร ซึ่งจะต้องใช้งบกว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนสาขาบางแค จะยังคงรูปแบบ แมสมาร์เก็ต อยู่ แต่จะปรับให้เป็นแฟชั่นมากขึ้น โดยในช่วง 3-5 ปีนี้บริษัทได้วางงบปรับปรุงไว้ 2,000 ล้านบาท ด้านเอ็มโพเรียมก็อยู่ในแผนที่จะต้องปรับให้เสร็จทันโครงการสยามพารากอน ซึ่งจะเปิดตัวในเดือน พฤศจิกายนปีหน้าเช่นกัน
ผลประกอบการของเดอะมอลล์กรุ๊ปปีนี้ตั้งเป้าปิดยอดขายที่ 28,000 ล้านบาท เติบโต 8% เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2546 ที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 27,000 ล้านบาท
นางสาวอัจฉรา อัมพุช ผู้ช่วยรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้เดอะมอลล์ สาขาบางกะปิพร้อมที่เปิดตัวรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด "Totally News Senseโฉมใหม่จรดปลายเท้า" ที่เน้นความเป็นแฟชั่นมอลล์ ภาพลักษณ์ความทันสมัย หลังจากที่ใช้งบในการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งสาขาดังกล่าวเป็นสาขาที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 10 ปีภายใต้รูปแบบ แมส มาร์เก็ต
การปรับโฉมครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการจับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นมีกำลังซื้อมากขึ้น และหันมาซื้อสินที่มีรสนิยม ทันสมัย และเลือกสรรสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น เดอะมอลล์จึงต้องปรับสินค้าให้เป็นแบบเทรนดี้ เน้นสินค้าแฟชั่น โดยดึงแบรนด์จากต่างประเทศมากขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มระดับกลางถึงบน แต่ไม่ถึงระดับไฮเอนด์
ปัจจัยที่เลือกปรับปรุงสาขาบางกะปิก่อน เนื่องจากมียอดขายเป็นอันดับ 1 และเพื่อเป็นต้นแบบของภาพลักษณ์ในการทยอยปรับสาขาอื่นต่อไป โดยคาดว่าจะทำให้จำนวนลูกค้าของเดอะมอลล์เพิ่มขึ้น 10% และยอดขายของเดอะมอลล์ บางกะปิในปีหน้าจะขยับตัวสูงขึ้น 10-15% โดยได้ปรับปรุงพื้นที่ไปทั้งสิ้น 40,000 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมด 45,000 ตารางเมตร ส่วนเดอะมอลล์งามวงศ์วานขณะนี้ใกล้ปรับปรุงเสร็จแล้วเช่นกัน คาดว่าจะเปิดตัวโฉมใหม่ที่มีรูปแบบเดียวกับสาขาบางกะปิในอีก 2 สัปดาห์
นางสาวมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารสินค้าสตรี บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สำหรับการปรับพื้นที่เช่าภายในห้างฯ จะทยอยปรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีการเจรจาระหว่างผู้เช่าพื้นที่ให้ทำการปรับปรุงร้านให้มีรูปแบบทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับรูปและภาพลักษณ์ใหม่ของห้างฯ
โดยที่ร้านค้าก็จะต้องปรับให้เสร็จภายในปีหน้า ซึ่งหากทางร้านใดไม่มีแผนปรับปรุง ทางบริษัทอาจจะพิจารณาขอซื้อพื้นที่คืน รวมถึงจะปรับพื้นที่ตู้คีออสทั้งหมดออก
หลังจากการปรับปรุงเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ ทำให้สัดส่วนระหว่างแบรนด์ไทยลดเหลือ 60% จากเดิม 80% และอินเตอร์แบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิมมีเพียง 20% ซึ่งหากมีแนวโน้มที่ดีอาจจะเป็นปรับให้มีสัดส่วน 50% เท่ากัน
ในส่วนของแผนกบริหารสินค้าสตรี ของสาขาบางกะปิมีการเปลี่ยนแปลงทุกส่วน โดยเฉพาะแผนกบิวตี้ ฮอลล์ ได้ปรับพื้นที่ใหม่ให้มีขนาดเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร เป็น 2,500 ตารางเมตร หรือเพิ่มอีกกว่า 60% และมีการจัดโซนบิวตี้ รูมเพื่อให้บริการนวดหน้าและตัว เป็นแห่งแรก
นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่ 100 ตารางเมตร สำหรับเคานเตอร์แผนกเครื่องสำอาจสำหรับผู้ชาย โดยหลังจากการปรับพื้นที่ในครั้งนี้คาดว่าจะสามารถ ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 60% ทั้งนี้ ได้ขยายพื้นที่จากเดิมในแผนกอื่นๆ เพิ่มขึ้น อาทิ แผนกบูติกสตรีเพิ่มขึ้น 15% แผนกเครื่องหนังสตรี เพิ่มสินค้าในกลุ่มแฟชั่น 30% โดยตั้งเป้ายอดขายจะต้องเพิ่มขึ้น 20% ภาพรวมแผนกผู้หญิงทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 25% ส่วนแผนกของแต่งบ้าน ได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น 15% คาดว่าจะมียอดขายจากแผนกนี้เพิ่มขึ้น 20%
ส่วนแผนกพาวเวอร์คอบเซป อาทิ แผนกของเล่นเด็กได้ถูกปรับลดลง และเพิ่มแผนก บี เทรนด์ เข้ามาแทน ซึ่งขณะนี้มียอดขายเติบโตไปกว่า 30%
สำหรับการปรับโฉมของเดอะมอลล์ในสาขาอื่นๆ จะทยอยดำเนินการต่อไป หลังจากเสร็จสาขาบางกะปิและงามวงศ์วานแล้ว โดยเตรียมที่จะปรับปรุงสาขาท่าพระ และสาขาบางแค ในขณะที่สาขารามคำแหง ยังอยู่ในกรณีศึกษา เนื่องจากเป็นสาขาเดียวที่มี 2 ฝั่ง
การปรับโฉมของสาขาอื่นๆ นั้น จะเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ หรือปรับเฉพาะบางส่วน อาทิ สาขาท่าพระ วางแผนจะเพิ่มพื้นที่จากเดิม 27,000 ตารางเมตร เป็น 42,000 ตารางเมตร ซึ่งจะต้องใช้งบกว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนสาขาบางแค จะยังคงรูปแบบ แมสมาร์เก็ต อยู่ แต่จะปรับให้เป็นแฟชั่นมากขึ้น โดยในช่วง 3-5 ปีนี้บริษัทได้วางงบปรับปรุงไว้ 2,000 ล้านบาท ด้านเอ็มโพเรียมก็อยู่ในแผนที่จะต้องปรับให้เสร็จทันโครงการสยามพารากอน ซึ่งจะเปิดตัวในเดือน พฤศจิกายนปีหน้าเช่นกัน
ผลประกอบการของเดอะมอลล์กรุ๊ปปีนี้ตั้งเป้าปิดยอดขายที่ 28,000 ล้านบาท เติบโต 8% เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2546 ที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 27,000 ล้านบาท