สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติระบุปัจจุบันสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ได้มาตรการตรวจสอบย้อนกลับเข้มงวดมากขึ้น จี้ผู้ประกอบการภายในประเทศคุมเข้มคุณภาพสินค้า และขบวนการผลิตรับมาตรการตรวจสอบย้อนกลับ รองรับปัญหากีดกันทางการค้า
นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอียู สหรัฐ และญี่ปุ่น ซึ่งล้วนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย มีความเข้มงวดในเรื่องระบบตรวจสอบย้อนกลับมากขึ้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยทางด้านอาหารให้กับผู้บริโภคในประเทศของตน ขณะเดียวกัน สำนักงานมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านอาหาร (โคเด็กซ์) ภายใต้องค์การอาหารและเกษตรแห่งชาติ (เอฟเอโอ) ก็อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์และแนวทางสากลสำหรับการตรวจสอบและการออกใบรับรองสินค้าอาหารนำเข้าและส่งออก เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ นำไปปฏิบัติสำหรับการควบคุมสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญและมีส่วนใกล้ชิดการร่างมาตรฐานดังกล่าว เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามและได้รับประโยชน์สูงสุด
นายอภิชาติ กล่าวว่า ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เป็นระบบที่ช่วยตรวจสอบติดตาม หรือตรวจสอบย้อนกลับคุณภาพของสินค้าเกษตรในด้านความปลอดภัยอาหาร โดยเริ่มตั้งแต่การตรวจสอบกระบวนการผลิต การเพาะปลูก การดูแล การให้อาหาร ยา หรือสารเคมีต่าง ๆ ไปสู่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและส่งต่อไปยังโรงงาน ซึ่งมีการตรวจสอบคุณภาพและสิ่งปนเปื้อนในอาหารก่อนการแปรรูป ภายใต้กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานในการจัดเก็บบรรจุหีบห่อจนถึงกระบวนการรวบรวมและส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศสู่ผู้บริโภค และจะมีประโยชน์ในกรณีหากเกิดปัญหาสินค้ามีสิ่งเจือปนอาหารไม่ปลอดภัยหรือเกิดปัญหาภายหลัง สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งผู้ผลิตได้ถูกต้อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของสินค้าที่ส่งออกไปทั้งหมด
ดังนั้น ถ้าไทยเตรียมความพร้อมเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับได้ดี ถูกต้อง รวดเร็ว ย่อมมีผลดีกับการรักษาตลาดและเสริมสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้ดีขึ้นด้วย โดยในส่วนของ มกอช. ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาร่างหลักเกณฑ์และแนวทางสากลสำหรับการตรวจสอบและการออกใบรับรองสินค้าอาหารนำเข้าและส่งออก ที่โคเด็กซ์ กำลังจะจัดให้มีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดย มกอช. ได้จัดสัมมนาระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 140 คน เพื่อประมวลสรุป และนำเสนอต่อคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดท่าทีของผู้แทนไทยในการประชุมโคเด็กซ์ต่อไป
นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอียู สหรัฐ และญี่ปุ่น ซึ่งล้วนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย มีความเข้มงวดในเรื่องระบบตรวจสอบย้อนกลับมากขึ้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยทางด้านอาหารให้กับผู้บริโภคในประเทศของตน ขณะเดียวกัน สำนักงานมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านอาหาร (โคเด็กซ์) ภายใต้องค์การอาหารและเกษตรแห่งชาติ (เอฟเอโอ) ก็อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์และแนวทางสากลสำหรับการตรวจสอบและการออกใบรับรองสินค้าอาหารนำเข้าและส่งออก เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ นำไปปฏิบัติสำหรับการควบคุมสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญและมีส่วนใกล้ชิดการร่างมาตรฐานดังกล่าว เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามและได้รับประโยชน์สูงสุด
นายอภิชาติ กล่าวว่า ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เป็นระบบที่ช่วยตรวจสอบติดตาม หรือตรวจสอบย้อนกลับคุณภาพของสินค้าเกษตรในด้านความปลอดภัยอาหาร โดยเริ่มตั้งแต่การตรวจสอบกระบวนการผลิต การเพาะปลูก การดูแล การให้อาหาร ยา หรือสารเคมีต่าง ๆ ไปสู่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและส่งต่อไปยังโรงงาน ซึ่งมีการตรวจสอบคุณภาพและสิ่งปนเปื้อนในอาหารก่อนการแปรรูป ภายใต้กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานในการจัดเก็บบรรจุหีบห่อจนถึงกระบวนการรวบรวมและส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศสู่ผู้บริโภค และจะมีประโยชน์ในกรณีหากเกิดปัญหาสินค้ามีสิ่งเจือปนอาหารไม่ปลอดภัยหรือเกิดปัญหาภายหลัง สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งผู้ผลิตได้ถูกต้อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของสินค้าที่ส่งออกไปทั้งหมด
ดังนั้น ถ้าไทยเตรียมความพร้อมเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับได้ดี ถูกต้อง รวดเร็ว ย่อมมีผลดีกับการรักษาตลาดและเสริมสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้ดีขึ้นด้วย โดยในส่วนของ มกอช. ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาร่างหลักเกณฑ์และแนวทางสากลสำหรับการตรวจสอบและการออกใบรับรองสินค้าอาหารนำเข้าและส่งออก ที่โคเด็กซ์ กำลังจะจัดให้มีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดย มกอช. ได้จัดสัมมนาระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 140 คน เพื่อประมวลสรุป และนำเสนอต่อคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดท่าทีของผู้แทนไทยในการประชุมโคเด็กซ์ต่อไป