กรมศุลกากรเดินหน้าแก้ไขปัญหาทุจริตในองค์กร ด้วยการเปิดรับสมัครนายด่านศุลกากร 5 แห่งแรก ซึ่งเป็นสถานที่ล่อแหลมต่อการทุจริต โดยนายด่านคนใหม่จะต้องแสดงแผนงานการปราบปรามการทุจริตและวิสัยทัศน์การทำงาน หากไม่ประสบความสำเร็จพร้อมถูกสับเปลี่ยน ขณะเดียวกัน กรมศุลกากรได้ดึงผู้ประกอบการ 100 รายแรก เข้าร่วมโครงการร่วมใจใสสะอาด เพื่อแจ้งเบาะแสและร้องเรียนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ศุลกากร
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จากแผนยุทธศาสตร์มุ่งมั่นศุลกากรใสสะอาดของกรมศุลกากร จึงต้องมีการเริ่มแก้ไขที่จุดอ่อนอันดับแรก โดยเฉพาะการแก้ไขจุดอ่อนของสถานที่ เช่น ด่านศุลกากรต่าง ๆ จุดอ่อนของบุคลากรเจ้าหน้าที่และจุดอ่อนที่ตัวสินค้า ตลอดจนการแก้ไขกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยในการให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจสำหรับการนำเข้า - ส่งออกสินค้า โดยอาจจะต้องยกเลิกกฎระเบียบต่าง ๆ หรือปรับปรุงให้กะทัดรัด ซึ่งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะให้ผู้ประกอบการเสนอข้อมูลมายังคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาว่า กฎระเบียบประเภทใดของกรมศุลกากรที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมายของศุลกากรจะมีการปรับปรุงให้เอื้ออำนวยต่อผู้ส่งออก จากนั้น ภายใน 1 เดือน กฎระเบียบทุกด้านจะถูกแก้ไข
สำหรับการแก้ไขจุดอ่อนด้านสถานที่ในช่วงแรก จะเปลี่ยนวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายนายด่านมาเป็นการรับสมัคร จากเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งมีการนำร่องที่ด่านศุลกากร หัวหน้าฝ่ายเขตอุตสาหกรรมส่งออก นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง บางปะอิน บ้านหว้า อรัญประเทศ และบางปู เนื่องจากนายด่านหรือหัวหน้าฝ่ายเดิมที่ดำรงตำแหน่งอยู่ อาจมีคุณสมบัติไม่พอหรือมีการโยกย้ายไปแล้วหรืออดีตมีข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วย ดังนั้น จึงต้องการเปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหาร โดยเฉพาะคนในกรมศุลกากร ใน 5 จุดแรก จากนั้น จะขยายไปยังด่านศุลกากรต่าง ๆ โดยขณะนี้หัวหน้าเขตนิคมอุตสาหกรรมมีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 7 ราย ซึ่งกรมศุลกากรต้องการเจ้าหน้าที่ศุลกากรระดับ 7 เป็นผู้ปฏิบัติงาน ส่วนนายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ต้องการเจ้าหน้าที่ศุลกากรในระดับ 8 โดยระดับผู้บริหารที่ต้องการเข้ามาสมัครจะต้องเสนอวิสัยทัศน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ และแนวโน้มในการปฏิบัติงานได้จริง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ สำหรับด่านศุลกากรที่ล่อแหลมจะสามารถทำงานที่โปร่งใสได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อคัดเลือกได้แล้วจะต้องติดตามดูแลผลการปฏิบัติงานด้วย
“ผมจะเข้าไปดูด่านศุลกากรที่มีการวิ่งเต้นหรือต้องการเข้าไปทำงานจำนวนมาก หรือเมื่อเข้าไปแล้ว ยังมีการแก้ไขกฎระเบียบเพิ่มเติมให้ยุ่งยากในการปฏิบัติและเอื้อประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่หรือยังมีการร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือการทุจริต โดยจะต้องเข้าไปตรวจสอบ และหากนายด่านทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายจะต้องเปลี่ยน หรือหากเข้าไปมีส่วนร่วมในการทุจริตจะต้องถูกลงโทษตามระเบียบต่าง ๆ หรือหากเกี่ยวโยงกับกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะต้องดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ และให้ ปปง. รับไปดูแลแทน โดยขณะนี้ได้กำชับผู้บริหารทุกคนให้ยึดการทำงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรม เพื่อให้ระดับผู้ปฏิบัติการเอาเป็นแบบอย่าง นอกจากนี้ ในส่วนของเรื่องจุดอ่อนด้านสินค้าที่มีปัญหามาก คือ เรื่องราคาเครื่องยนต์เก่าที่นำเข้าจากจีน สุรา และไวน์ จะขอข้อมูลจากผู้ประกอบการเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูล ว่าราคาสินค้าประเภทใดที่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงภาษี เพราะราคามาตรฐานของสินค้าประเภทต่าง ๆ มีอยู่แล้ว แต่จะแยกไปดูว่าราคากลุ่มเสี่ยงดังกล่าว กลุ่มไหนกระทำผิดบ่อยที่สุด” อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว
นายสถิตย์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ กรมศุลกากรจะเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาเป็นประธานเปิดโครงการร่วมใจใสสะอาด โดยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 100 รายแรก ที่สมัครแจ้งเบาะแสและร้องเรียนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ หรือร่วมกันแก้ไขอุปสรรคในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ซึ่งจะมีการตั้งศูนย์ศุลกากรใสสะอาด โดยสามารถติดต่อสายด่วนได้ที่ 1332 สามารถเชื่อมโยงกับศูนย์ร้องเรียนของกระทรวงการคลัง ที่เบอร์โทร 1689 สำหรับการลงนามระหว่างกรมศุลกากรและผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการจะถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มความน่าเชื่อถือสูง และอาจพิจารณามอบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากรให้เป็นกรณีพิเศษ
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จากแผนยุทธศาสตร์มุ่งมั่นศุลกากรใสสะอาดของกรมศุลกากร จึงต้องมีการเริ่มแก้ไขที่จุดอ่อนอันดับแรก โดยเฉพาะการแก้ไขจุดอ่อนของสถานที่ เช่น ด่านศุลกากรต่าง ๆ จุดอ่อนของบุคลากรเจ้าหน้าที่และจุดอ่อนที่ตัวสินค้า ตลอดจนการแก้ไขกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยในการให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจสำหรับการนำเข้า - ส่งออกสินค้า โดยอาจจะต้องยกเลิกกฎระเบียบต่าง ๆ หรือปรับปรุงให้กะทัดรัด ซึ่งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะให้ผู้ประกอบการเสนอข้อมูลมายังคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาว่า กฎระเบียบประเภทใดของกรมศุลกากรที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมายของศุลกากรจะมีการปรับปรุงให้เอื้ออำนวยต่อผู้ส่งออก จากนั้น ภายใน 1 เดือน กฎระเบียบทุกด้านจะถูกแก้ไข
สำหรับการแก้ไขจุดอ่อนด้านสถานที่ในช่วงแรก จะเปลี่ยนวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายนายด่านมาเป็นการรับสมัคร จากเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งมีการนำร่องที่ด่านศุลกากร หัวหน้าฝ่ายเขตอุตสาหกรรมส่งออก นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง บางปะอิน บ้านหว้า อรัญประเทศ และบางปู เนื่องจากนายด่านหรือหัวหน้าฝ่ายเดิมที่ดำรงตำแหน่งอยู่ อาจมีคุณสมบัติไม่พอหรือมีการโยกย้ายไปแล้วหรืออดีตมีข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วย ดังนั้น จึงต้องการเปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหาร โดยเฉพาะคนในกรมศุลกากร ใน 5 จุดแรก จากนั้น จะขยายไปยังด่านศุลกากรต่าง ๆ โดยขณะนี้หัวหน้าเขตนิคมอุตสาหกรรมมีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 7 ราย ซึ่งกรมศุลกากรต้องการเจ้าหน้าที่ศุลกากรระดับ 7 เป็นผู้ปฏิบัติงาน ส่วนนายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ต้องการเจ้าหน้าที่ศุลกากรในระดับ 8 โดยระดับผู้บริหารที่ต้องการเข้ามาสมัครจะต้องเสนอวิสัยทัศน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ และแนวโน้มในการปฏิบัติงานได้จริง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ สำหรับด่านศุลกากรที่ล่อแหลมจะสามารถทำงานที่โปร่งใสได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อคัดเลือกได้แล้วจะต้องติดตามดูแลผลการปฏิบัติงานด้วย
“ผมจะเข้าไปดูด่านศุลกากรที่มีการวิ่งเต้นหรือต้องการเข้าไปทำงานจำนวนมาก หรือเมื่อเข้าไปแล้ว ยังมีการแก้ไขกฎระเบียบเพิ่มเติมให้ยุ่งยากในการปฏิบัติและเอื้อประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่หรือยังมีการร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือการทุจริต โดยจะต้องเข้าไปตรวจสอบ และหากนายด่านทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายจะต้องเปลี่ยน หรือหากเข้าไปมีส่วนร่วมในการทุจริตจะต้องถูกลงโทษตามระเบียบต่าง ๆ หรือหากเกี่ยวโยงกับกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะต้องดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ และให้ ปปง. รับไปดูแลแทน โดยขณะนี้ได้กำชับผู้บริหารทุกคนให้ยึดการทำงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรม เพื่อให้ระดับผู้ปฏิบัติการเอาเป็นแบบอย่าง นอกจากนี้ ในส่วนของเรื่องจุดอ่อนด้านสินค้าที่มีปัญหามาก คือ เรื่องราคาเครื่องยนต์เก่าที่นำเข้าจากจีน สุรา และไวน์ จะขอข้อมูลจากผู้ประกอบการเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูล ว่าราคาสินค้าประเภทใดที่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงภาษี เพราะราคามาตรฐานของสินค้าประเภทต่าง ๆ มีอยู่แล้ว แต่จะแยกไปดูว่าราคากลุ่มเสี่ยงดังกล่าว กลุ่มไหนกระทำผิดบ่อยที่สุด” อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว
นายสถิตย์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ กรมศุลกากรจะเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาเป็นประธานเปิดโครงการร่วมใจใสสะอาด โดยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 100 รายแรก ที่สมัครแจ้งเบาะแสและร้องเรียนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ หรือร่วมกันแก้ไขอุปสรรคในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ซึ่งจะมีการตั้งศูนย์ศุลกากรใสสะอาด โดยสามารถติดต่อสายด่วนได้ที่ 1332 สามารถเชื่อมโยงกับศูนย์ร้องเรียนของกระทรวงการคลัง ที่เบอร์โทร 1689 สำหรับการลงนามระหว่างกรมศุลกากรและผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการจะถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มความน่าเชื่อถือสูง และอาจพิจารณามอบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากรให้เป็นกรณีพิเศษ