กองทัพอากาศตั้งบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด เพื่อให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องบินรองรับการเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงในภูมิภาคเอเชีย ในช่วง 10 ปีข้างหน้า และรองรับการเปิดให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดปีนี้จะมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท
พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า การตั้งบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด ตามมติคณะรัฐมนตรีในช่วงเดือนกันยายน ที่ผ่านมา เพื่อซ่อมบำรุงเครื่องบินรองรับเป้าหมายของรัฐบาลในการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชีย และต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงและการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานที่ได้มาตรฐานภายในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากปัจจุบันไทยมีเครื่องบินทั้งภาครัฐและเอกชนขึ้นลงในประเทศกว่า 1,000 เครื่อง และมีการบินเข้า – ออก รวม 48 สายการบิน โดยมีเที่ยวบินรวม 47,450 เที่ยวบินต่อปี นอกจากนี้ ยังมีสายการบินที่เข้าออกแบบไม่ประจำอีก 18 บริษัท ประมาณ 2,000 เที่ยวบินต่อปี และเมื่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเปิดใช้ จะทำให้มีจำนวนเครื่องบินเพิ่มขึ้น ดังนั้น กองทัพอากาศจึงตั้งบริษัทขึ้นมา เพื่อรองรับการซ่อมบำรุงอากาศยานที่จะขยายตัวมากขึ้น
พล.อ.ท.สิทธิพร ไชยหลาก กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน กล่าวว่า ขณะนี้มีเครื่องบินทั้งของรัฐและเอกชนเข้ามาให้บริษัทซ่อมบำรุงประมาณ 200 เครื่อง โดยคาดว่า ในปี 2547 จะมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท และในปี 2548 รายได้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถดึงเครื่องบินประเภทต่างๆ เข้ามาได้มากขึ้น เนื่องจากมีค่าแรงซ่อมบำรุงที่ถูกกว่า ซึ่งคิดเฉลี่ยประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อชั่วโมง ขณะที่การบินไทยและสิงคโปร์ มีค่าแรงสูงถึง 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อชั่วโมง โดยในช่วงแรกจะทำการซ่อมบำรุงเครื่องบินกองทัพอากาศ จากนั้น จะขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ เช่น เครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) และเครื่องบินส่วนบุคคลกว่า 50 เครื่อง หากบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมเครื่องบินขนาดเล็กแล้ว จะซ่อมเครื่องบินขนาดใหญ่ต่อไป โดยมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับเครื่องบินที่ทำการซ่อมอยู่ในปัจจุบัน เช่น ซี-130 เอช จี 222 แอร์โร่ 748 รวมทั้งเครื่องบินขับไล่ไอพ่น เอฟ-16 และเครื่องบินฝึกแบบ พีซี-9 ซีที-4 ซึ่งเป็นการจ้างเหมาตลอดปี
พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า การตั้งบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด ตามมติคณะรัฐมนตรีในช่วงเดือนกันยายน ที่ผ่านมา เพื่อซ่อมบำรุงเครื่องบินรองรับเป้าหมายของรัฐบาลในการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชีย และต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงและการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานที่ได้มาตรฐานภายในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากปัจจุบันไทยมีเครื่องบินทั้งภาครัฐและเอกชนขึ้นลงในประเทศกว่า 1,000 เครื่อง และมีการบินเข้า – ออก รวม 48 สายการบิน โดยมีเที่ยวบินรวม 47,450 เที่ยวบินต่อปี นอกจากนี้ ยังมีสายการบินที่เข้าออกแบบไม่ประจำอีก 18 บริษัท ประมาณ 2,000 เที่ยวบินต่อปี และเมื่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเปิดใช้ จะทำให้มีจำนวนเครื่องบินเพิ่มขึ้น ดังนั้น กองทัพอากาศจึงตั้งบริษัทขึ้นมา เพื่อรองรับการซ่อมบำรุงอากาศยานที่จะขยายตัวมากขึ้น
พล.อ.ท.สิทธิพร ไชยหลาก กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน กล่าวว่า ขณะนี้มีเครื่องบินทั้งของรัฐและเอกชนเข้ามาให้บริษัทซ่อมบำรุงประมาณ 200 เครื่อง โดยคาดว่า ในปี 2547 จะมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท และในปี 2548 รายได้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถดึงเครื่องบินประเภทต่างๆ เข้ามาได้มากขึ้น เนื่องจากมีค่าแรงซ่อมบำรุงที่ถูกกว่า ซึ่งคิดเฉลี่ยประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อชั่วโมง ขณะที่การบินไทยและสิงคโปร์ มีค่าแรงสูงถึง 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อชั่วโมง โดยในช่วงแรกจะทำการซ่อมบำรุงเครื่องบินกองทัพอากาศ จากนั้น จะขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ เช่น เครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) และเครื่องบินส่วนบุคคลกว่า 50 เครื่อง หากบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมเครื่องบินขนาดเล็กแล้ว จะซ่อมเครื่องบินขนาดใหญ่ต่อไป โดยมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับเครื่องบินที่ทำการซ่อมอยู่ในปัจจุบัน เช่น ซี-130 เอช จี 222 แอร์โร่ 748 รวมทั้งเครื่องบินขับไล่ไอพ่น เอฟ-16 และเครื่องบินฝึกแบบ พีซี-9 ซีที-4 ซึ่งเป็นการจ้างเหมาตลอดปี