บุ๊คสไมล์เร่งปรับโลโก้ดันภาพลักษณ์ทันสมัยเข้ากับคูหาที่ 3 ของเซเว่น อีเลฟเว่น หลังชิมลางตลาดหนังสือมา 3 ปี พร้อมขยายคลังสินค้าเพิ่มรับแผนขยายสาขาอีกกว่า 100 แห่งถึงสิ้นปีหน้า ลุยขายแฟรนไชส์บุ๊คสไมล์ให้แฟรนไชส์เซเว่นฯ กว่า 800 ราย มั่นใจสิ้นปีโต 20%
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับผิดชอบโครงการร้านหนังสือ "บุ๊คสไมล์" เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เริ่มทยอยปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ให้กับบุ๊คสไมล์บ้างแล้ว เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ดูทันสมัยสอดรับกับรูปแบบร้านเซเว่นฯ หลังจากที่ทดลองทำธุรกิจร้านหนังสือบุ๊คสไมล์มา 3 ปี โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 50 สาขา แบ่งเป็นแบบสแตนด์อะโลน2 คูหา 9 แห่ง ,เปิดคูหาที่ 3 ของเซเว่นฯ 34 แห่ง และเปิดในห้าง 7 แห่ง
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายคลังสินค้าหรือพีดีซีเพิ่มอีก เพื่อรองรับแผนการขยายสาขาให้กับบุ๊คสไมล์ไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยภายในสิ้นปีนี้จะเปิดร้านบุ๊คสไมล์เพิ่มอีก 30 แห่ง รวมเป็น 70 แห่งในสิ้นปีนี้ และในปีหน้าจะเปิดบุ๊คสไมล์อีก 80-100 แห่งรวมเป็น 150 สาขา ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปีบุ๊คสไมล์จะขยายสาขาครบ 350 แห่งทั่วประเทศ
แนวทางการขยายสาขาบุ๊คสไมล์ด้วยการขายแฟรนไชส์นั้น บริษัทพร้อมจะเริ่มในปีหน้า โดยเบื้องต้นจะขายแฟรนไชส์ให้แก่แฟรนไชส์ของเซเว่นฯ กว่า 800 รายก่อนในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ในลักษณะเป็นคูหาที่ 3 ของร้านเซเว่นฯ ทั้งนี้ การเปิดร้านบุ๊คสไมล์จะใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 5 แสนบาท - 1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเลของแต่ละสาขา
จุดแตกต่างของบุ๊คสไมล์ที่แตกต่างจากร้านหนังสืออื่น คือ เปิดบริการตลอด 24 ชม. และการที่ร้านบุ๊คสไมล์อยู่ติดกับเซเว่นฯ เป็นจุดที่ช่วยให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายในการเลือกซื้อหนังสือมากขึ้น โดยสินค้าของบุ๊คสไมล์จะเป็นสินค้าที่ทันสมัยและมีการหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา มีกลยุทธ์หลัก คือ FBO (First Book Only) หรือหนังสือที่ขายเฉพาะที่เซเว่นฯ เท่านั้น อาทิ หนังสือบันทึกสีม่วงอิ๊งๆ ที่วางขายในเซเว่นฯเพียง 30-40 วัน ยอดขายพุ่งกว่า 20,000 เล่ม เป็นต้น
ปัจจุบันลูกค้าของเซเว่นฯ 1 สาขามี 1,000 คนต่อวัน ส่วนของบุ๊คสไมล์มี 200 คนต่อวัน โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนประมาณ 100 บาท ส่วนสไมล์เมมเบอร์มีกว่า 70,000 ราย และในปีหน้ามีแผนร่วมกับสมาร์ทการ์ดจัดทำโครงการเพื่อสมาชิก ทั้งนี้จากการร่วมมือกันทางธุรกิจส่งผลให้ยอดขายทั้งเซเว่นฯและบุ๊คสไมล์โต 20%
ผลประกอบการของบุ๊คสไมล์ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 250 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มหนังสือ, นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ 60% กลุ่มเพลงและภาพยนตร์ 30% และเครื่องเขียนและอุปกรณ์ 10% ส่วนในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 350 ล้านบาท จากการที่ขยายสาขาเพิ่มหลายแห่ง
สำหรับตลาดรวมของธุรกิจหนังสือ ซึ่งวัดจากจำนวนสาขาและยอดขาย ผู้นำอย่างคงเป็นซีเอ็ด รองลงมาคือ บีทูเอส ที่มีการขายหนังสือและสื่อแบบครบวงจร และร้านนายอินทร์ ตามลำดับ ส่วนบุ๊คสไมล์อยู่อันดับที่ 4
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับผิดชอบโครงการร้านหนังสือ "บุ๊คสไมล์" เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เริ่มทยอยปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ให้กับบุ๊คสไมล์บ้างแล้ว เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ดูทันสมัยสอดรับกับรูปแบบร้านเซเว่นฯ หลังจากที่ทดลองทำธุรกิจร้านหนังสือบุ๊คสไมล์มา 3 ปี โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 50 สาขา แบ่งเป็นแบบสแตนด์อะโลน2 คูหา 9 แห่ง ,เปิดคูหาที่ 3 ของเซเว่นฯ 34 แห่ง และเปิดในห้าง 7 แห่ง
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายคลังสินค้าหรือพีดีซีเพิ่มอีก เพื่อรองรับแผนการขยายสาขาให้กับบุ๊คสไมล์ไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยภายในสิ้นปีนี้จะเปิดร้านบุ๊คสไมล์เพิ่มอีก 30 แห่ง รวมเป็น 70 แห่งในสิ้นปีนี้ และในปีหน้าจะเปิดบุ๊คสไมล์อีก 80-100 แห่งรวมเป็น 150 สาขา ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปีบุ๊คสไมล์จะขยายสาขาครบ 350 แห่งทั่วประเทศ
แนวทางการขยายสาขาบุ๊คสไมล์ด้วยการขายแฟรนไชส์นั้น บริษัทพร้อมจะเริ่มในปีหน้า โดยเบื้องต้นจะขายแฟรนไชส์ให้แก่แฟรนไชส์ของเซเว่นฯ กว่า 800 รายก่อนในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ในลักษณะเป็นคูหาที่ 3 ของร้านเซเว่นฯ ทั้งนี้ การเปิดร้านบุ๊คสไมล์จะใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 5 แสนบาท - 1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเลของแต่ละสาขา
จุดแตกต่างของบุ๊คสไมล์ที่แตกต่างจากร้านหนังสืออื่น คือ เปิดบริการตลอด 24 ชม. และการที่ร้านบุ๊คสไมล์อยู่ติดกับเซเว่นฯ เป็นจุดที่ช่วยให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายในการเลือกซื้อหนังสือมากขึ้น โดยสินค้าของบุ๊คสไมล์จะเป็นสินค้าที่ทันสมัยและมีการหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา มีกลยุทธ์หลัก คือ FBO (First Book Only) หรือหนังสือที่ขายเฉพาะที่เซเว่นฯ เท่านั้น อาทิ หนังสือบันทึกสีม่วงอิ๊งๆ ที่วางขายในเซเว่นฯเพียง 30-40 วัน ยอดขายพุ่งกว่า 20,000 เล่ม เป็นต้น
ปัจจุบันลูกค้าของเซเว่นฯ 1 สาขามี 1,000 คนต่อวัน ส่วนของบุ๊คสไมล์มี 200 คนต่อวัน โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนประมาณ 100 บาท ส่วนสไมล์เมมเบอร์มีกว่า 70,000 ราย และในปีหน้ามีแผนร่วมกับสมาร์ทการ์ดจัดทำโครงการเพื่อสมาชิก ทั้งนี้จากการร่วมมือกันทางธุรกิจส่งผลให้ยอดขายทั้งเซเว่นฯและบุ๊คสไมล์โต 20%
ผลประกอบการของบุ๊คสไมล์ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 250 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มหนังสือ, นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ 60% กลุ่มเพลงและภาพยนตร์ 30% และเครื่องเขียนและอุปกรณ์ 10% ส่วนในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 350 ล้านบาท จากการที่ขยายสาขาเพิ่มหลายแห่ง
สำหรับตลาดรวมของธุรกิจหนังสือ ซึ่งวัดจากจำนวนสาขาและยอดขาย ผู้นำอย่างคงเป็นซีเอ็ด รองลงมาคือ บีทูเอส ที่มีการขายหนังสือและสื่อแบบครบวงจร และร้านนายอินทร์ ตามลำดับ ส่วนบุ๊คสไมล์อยู่อันดับที่ 4