ดูเร็กซ์ได้จัดโครงการวิจัยประจำปีเกี่ยวกับเรื่องทัศนคติและเพศสัมพันธ์ของคนทั่วโลก ภายใต้ชื่อ “ดูเร็กซ์ โกลบอล เซ็กซ์ เซอร์เวย์ 2004” ซึ่งจัดขึ้นมาเป็นเวลา 8 ปีจากจำนวน 41 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้มีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามอายุ 16-55 ปีกว่า 350,000 คนหรือเพิ่มขึ้น 4 เท่า คิดเป็นคนไทยจำนวน 15,000 คน ทั้งนี้การสำรวจดังกล่าวจะดำเนินการผ่านทางอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้ว เพราะสะดวกง่ายต่อการรวบรวมข้อมูล
นายพรชาย พิริยบรรเจิด ผู้จัดการทั่วไป - การตลาดบริษัท เอสเอสแอล เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่าคนไทยมีความกล้าแสดงออกและกล้าที่จะเปิดเผยข้อมูลเรื่องเพศมากขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการสำรวจนี้จะนำไปช่วยพัฒนาเรื่องเพศศึกษาของกลุ่มวัยรุ่นไทย รวมถึงการร่วมมือกับทางภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ซึ่งขณะนี้เราได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการในการโปรเจคก์ใหญ่ที่เกี่ยวกับเพศศึกษาในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่าคนไทยมีเซ็กส์สัปดาห์ละ 2 ครั้งหรือ 103 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับตัวเลขของทั่วโลก โดยฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยที่สุด 137 ครั้งต่อปี ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีเซ็กส์น้อยที่สุดเฉลี่ย 46 ครั้งต่อปี นอกจากนี้คนไทยยังครองแชมป์เหรียญทองในเรื่องการใช้เวลาเล้าโลมก่อนการมีเพศสัมพันธ์น้อยที่สุดโดยเฉลี่ย คือ 11.5 นาที โดยชาติที่ใช้เวลาเล้าโลมนานที่สุด คือ ชาวอังกฤษใช้เวลา 22.5 นาที
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของคนไทยเฉลี่ย 18.3 ปี ซึ่งมากกว่าอายุเฉลี่ยทั่วโลกที่มีเซ็กส์ครั้งแรกเมื่ออายุ 17.7 ปี นอกจากนี้ยังพบว่าคนไทยเกือบครึ่ง คิดเป็นร้อยละ 46 มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ทราบประวัติทางเพศของคู่นอนของตน โดยชาติที่มีความเสี่ยงมากสุด ได้แก่ เดนมาร์กและสวีเดน ร้อยละ 64 เท่ากัน ส่วนชาติที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ได้แก่ อินเดีย ร้อยละ 20
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามจากทั่วโลกวิตกกังวลเกี่ยวการมีเพศสัมพันธ์ คือ โรคเอดส์ คิดเป็น 64% และคู่รักชาวไทยร้อยละ 46 ระบุว่าสามารถถึงจุดสุดยอดทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มี ร้อยละ 35 โดยอิตาลีเป็นชาติที่ถึงจุดสุดยอดมากสุด ร้อยละ 61และจีนร้อยละ 11 ไม่เคยถึงจุดสุดยอดเลย ในขณะที่จำนวนคู่นอนของคนไทยเฉลี่ยคิดเป็น 8.5 คน ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 10.5 คน โดยจีนมีจำนวนคู่นอนมากสุด 20 คน และเวียดนามน้อยสุด 2.5 คน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญ คือ การสอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 53 ส่วนคนทั่วโลกเห็นด้วยเพียงร้อยละ 31 และคนไทยร้อยละ 20 ระบุว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับโครงการเพศศึกษา รวมถึงต้องการให้รัฐสนับสนุนโฆษณาเรื่องดังกล่าว ร้อยละ 13
สำหรับรางวัลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ดาราชายสุดยอดเซ็กซี่ของไทยในปีนี้ ผู้ที่ได้รับคะแนนมากที่สุดแบบทิ้งห่างคู่แข่ง คือ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ได้คะแนน 38.8% ตามด้วยปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล 10% ,โดม 9.6% , วิลลี่ 7.8% และฮิวโก้ 5.7%
ส่วนดาราหญิงสุดเซ็กซี่ของไทยในปีนี้ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดระหว่างอั้ม พัชราภาและพอลล่า ผลปรากฏว่า อั้มได้รับตำแหน่งแชมป์ไปครอง 2 สมัยติดต่อกันเช่นเดียวกับติ๊ก เจษฎาภรณ์ ส่วนพอลล่าได้คะแนน 21.9% ตามด้วยพลอย 8.8% มาช่า 8.1% ซอนย่า 7% และลูกเกด เมทินี 5%
สำหรับนักการเมืองชายไทยที่เจ้าเสน่ห์มากที่สุดในปีนี้ ผลปรากฎว่าฝ่ายค้านเป็นผู้ชนะเพราะนาย อภิสิทธิ์ครองตำแหน่งนี้แบบทิ้งห่างฝ่ายรัฐบาลอย่างท่านนายกทักษิณ ชินวัตรด้วยคะแนน 34.4% ส่วนทักษิณได้คะแนนคิดเป็น 10.8% ตามด้วยหาญ หิมะทองคำ 6.5% ส่วนนักเมืองหญิงเจ้าเสน่ห์ที่สุดในปีนี้ คือ แบม จณิสตา 22% รองลงมา คือ ณหทัย ทิวไผ่งาม 7.6% และสุดารัตน์ 2.6%
ด้านภาพยนตร์ที่ครองใจคนไทยเป็นอันดับ 1 คือ หนังโรแมนติกจากต่างประเทศเรื่องน็อตติ้ง ฮิลล์ 22% ตามด้วยไททานิค 20% และอันดับ 3 เป็นภาพยนตร์ไทยกุมภาพันธ์ 7.8% เซ็กส์โฟนส์ 7.5% ในขณะที่สถานที่ยอดฮิตโรแมนติกสุดยอดโรแมนติกของไทยรางวัลเป็นของเกาะมัลดีฟ 30% ปารีส 15% กระบี่ 10% เวนีส 9.1% ภูเก็ต 7.6%
