ไทยเปเปอร์ สบช่องสื่อสิ่งพิมพ์โตพรวด รุดหว่านงบ 500 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตกระดาษ2หมื่นตัน รองรับกลุ่มธุรกิจกระดาษใหม่ 2-3 ตัวในปีหน้านี้ ล่าสุดเตรียมเปิดตัวฉลากบรรจุภัณฑ์ ส่วนปีนี้เปิดกระดาษ กรีนรี้ด ชูเป็นกระดาษถนอมสายตาเจาะตลาดสำนักพิมพ์ สิ้นปีกวาดรายได้รวม 12,000 ล้านบาท
นายไพบูลย์ พงษ์ชัยฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด หรือ ไทยเปเปอร์ ผู้ผลิตกระดาษกรีน รี้ด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบ 400-500 ล้านบาท ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกระดาษทั้งกลุ่มให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะขยายกำลังการผลิตกระดาษเคลือบและไม่เคลือบเพิ่มอีก20,000ตัน จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 3.2 แสนตัน โดยจะเพิ่มเป็น 3.4 แสนตัน ทั้งนี้ เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ที่บริษัทจะรุกตลาดในปีหน้านี้2-3 ประเภท คือ การผลิตฉลากบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ รวมทั้งรองรับอัตราการเติบโตของกระดาษที่เพิ่มขึ้นราว10% จากมูลค่าตลาดรวมกระดาษ 5.2 แสนตัน ทั้งนี้คาดว่ากำลังการผลิตจะรองรับความต้องการของตลาดได้ 2-3 ปีนี้
บริษัทได้เปิดตัวกระดาษถนอมสายตาหรือกรีน รี้ด อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทำตลาดมากกว่า 2 -3 ปี โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มสำนักพิมพ์ และกลุ่มผู้อ่านหนังสือ สำหรับแนวทางในการทำตลาดนั้น บริษัทจะชูจุดเด่นการเป็นกระดาษถนอมสายตา สามารถเก็บไว้ได้นาน และน้ำหนักเบา อีกทั้ง ยังสามารถลดต้นทุนในการผลิตหนังสือได้มากกว่า เพราะกระดาษกรีน รี้ดมีแกรมน้อยกว่ากระดาษขาว แต่ให้ความหนาที่ใกล้เคียงกัน
"บริษัทได้เริ่มทำตลาดกรีน รี้ด มานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยการทำตลาดส่วนใหญ่จะเข้าไปเจาะตลาดพ็อกเกตบุ๊คส์เป็นหลัก ซึ่งในช่วงปีแรกกระดาษกรีน รี้ด ยังไม่ค่อยได้รับการตอบรับที่ดีมากนักจึงมีอัตราการเติบโต10% แต่พอมาปีที่สองโตถึง15% และคาดว่าแนวโน้มปีนี้จะมีอัตราการเติบโตถึง30% โดยปัจจุบันนี้บริษัทมีกำลังการผลิตกรีน รี้ด 400-500 ตันต่อวัน และคาดว่าด้วยจุดเด่นของกระดาษกรีน รี้ด ยอดขายปีนี้จะไม่น้อยกว่า20%ตามการเติบโตของตลาดพ็อกเก็ตบุ๊ค"
นายไพบูลย์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดพ็อกเกตบุ๊คในปีนี้มีอัตราการเติบโต20%จากมูลค่าตลาด156,000แสนตัน หรือคิดเป็น30% จากมูลค่าตลาดรวม 5.2 แสนตัน ทั้งนี้ สาเหตุที่ตลาดพ็อกเก็ตบุ๊คมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนไทยหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น อีกทั้งสื่อสิ่งพิมพ์นิตยสารยังมีอัตราการเติบโตสูงโดยในปีนี้มีการออกปกใหม่10,000 ปก รวมทั้งยังมีนักเขียนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นและกำลังการซื้อของคนก็ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามความต้องการของการใช้กระดาษกรีน รี้ดในตลาดพ็อกเก็ตบุ๊คมี10% หรือคิดเป็น15,600 ตัน ซึ่งปัจจุบันลูกค้าของบริษัทมี7 สำนักพิมพ์ ที่ใช้กระดาษกรีน รี้ด ได้แก่ สำนักพิมพ์เครืออัมรินทร์ พริ้นติ้งฯใช้กระดาษถนอมสายตาถึง80-90%ของหนังสือออกใหม่ทั้งหมด ฐานการพิมพ์ใช้ราว100% ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบว่างานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คออกใหม่ในงานมีการใช้กระดาษกรีน รี้ดถึง 60-70% ของหนังสือออกใหม่ทั้งหมด
สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต5%หรือมีรายได้ 12,000 ล้านบาท และจากการมีกำลังการผลิตราว 3.2 แสนตัน แบ่งสัดส่วนรายได้เป็นกระดาษเคลือบผิวกว่า 1 แสนตัน และกระดาษไม่เคลือบผิว2แสนตัน โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดราว55% ในขณะที่ดับเบิ้ลเอมีส่วนแบ่งกว่า 30%
นายไพบูลย์ พงษ์ชัยฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด หรือ ไทยเปเปอร์ ผู้ผลิตกระดาษกรีน รี้ด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบ 400-500 ล้านบาท ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกระดาษทั้งกลุ่มให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะขยายกำลังการผลิตกระดาษเคลือบและไม่เคลือบเพิ่มอีก20,000ตัน จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 3.2 แสนตัน โดยจะเพิ่มเป็น 3.4 แสนตัน ทั้งนี้ เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ที่บริษัทจะรุกตลาดในปีหน้านี้2-3 ประเภท คือ การผลิตฉลากบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ รวมทั้งรองรับอัตราการเติบโตของกระดาษที่เพิ่มขึ้นราว10% จากมูลค่าตลาดรวมกระดาษ 5.2 แสนตัน ทั้งนี้คาดว่ากำลังการผลิตจะรองรับความต้องการของตลาดได้ 2-3 ปีนี้
บริษัทได้เปิดตัวกระดาษถนอมสายตาหรือกรีน รี้ด อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทำตลาดมากกว่า 2 -3 ปี โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มสำนักพิมพ์ และกลุ่มผู้อ่านหนังสือ สำหรับแนวทางในการทำตลาดนั้น บริษัทจะชูจุดเด่นการเป็นกระดาษถนอมสายตา สามารถเก็บไว้ได้นาน และน้ำหนักเบา อีกทั้ง ยังสามารถลดต้นทุนในการผลิตหนังสือได้มากกว่า เพราะกระดาษกรีน รี้ดมีแกรมน้อยกว่ากระดาษขาว แต่ให้ความหนาที่ใกล้เคียงกัน
"บริษัทได้เริ่มทำตลาดกรีน รี้ด มานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยการทำตลาดส่วนใหญ่จะเข้าไปเจาะตลาดพ็อกเกตบุ๊คส์เป็นหลัก ซึ่งในช่วงปีแรกกระดาษกรีน รี้ด ยังไม่ค่อยได้รับการตอบรับที่ดีมากนักจึงมีอัตราการเติบโต10% แต่พอมาปีที่สองโตถึง15% และคาดว่าแนวโน้มปีนี้จะมีอัตราการเติบโตถึง30% โดยปัจจุบันนี้บริษัทมีกำลังการผลิตกรีน รี้ด 400-500 ตันต่อวัน และคาดว่าด้วยจุดเด่นของกระดาษกรีน รี้ด ยอดขายปีนี้จะไม่น้อยกว่า20%ตามการเติบโตของตลาดพ็อกเก็ตบุ๊ค"
นายไพบูลย์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดพ็อกเกตบุ๊คในปีนี้มีอัตราการเติบโต20%จากมูลค่าตลาด156,000แสนตัน หรือคิดเป็น30% จากมูลค่าตลาดรวม 5.2 แสนตัน ทั้งนี้ สาเหตุที่ตลาดพ็อกเก็ตบุ๊คมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนไทยหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น อีกทั้งสื่อสิ่งพิมพ์นิตยสารยังมีอัตราการเติบโตสูงโดยในปีนี้มีการออกปกใหม่10,000 ปก รวมทั้งยังมีนักเขียนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นและกำลังการซื้อของคนก็ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามความต้องการของการใช้กระดาษกรีน รี้ดในตลาดพ็อกเก็ตบุ๊คมี10% หรือคิดเป็น15,600 ตัน ซึ่งปัจจุบันลูกค้าของบริษัทมี7 สำนักพิมพ์ ที่ใช้กระดาษกรีน รี้ด ได้แก่ สำนักพิมพ์เครืออัมรินทร์ พริ้นติ้งฯใช้กระดาษถนอมสายตาถึง80-90%ของหนังสือออกใหม่ทั้งหมด ฐานการพิมพ์ใช้ราว100% ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบว่างานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คออกใหม่ในงานมีการใช้กระดาษกรีน รี้ดถึง 60-70% ของหนังสือออกใหม่ทั้งหมด
สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต5%หรือมีรายได้ 12,000 ล้านบาท และจากการมีกำลังการผลิตราว 3.2 แสนตัน แบ่งสัดส่วนรายได้เป็นกระดาษเคลือบผิวกว่า 1 แสนตัน และกระดาษไม่เคลือบผิว2แสนตัน โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดราว55% ในขณะที่ดับเบิ้ลเอมีส่วนแบ่งกว่า 30%