คลีนิค เคลียร์ เคลื่อนทัพรับโพซิชั่นนิ่งใหม่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผม-หนังศีรษะ ผุดขั้นแรกด้วยการทุ่มงบ 100 ล้านบาท เปิดสูตรที่ 4"ธิค แอนด์ สตรอง" ในรอบ 20 ปี โชว์แก้ปัญหาหลุดร่วงเส้นผม มั่นใจ1 ปีภาพลักษณ์ใหม่คลีนิค เคลียร์ เกิดในใจผู้บริโภค ลั่นเตรียมปั้นธิค แอนด์ สตรองเป็นเรือธงหลักของแบรนด์ขอมีแชร์3%
นางผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแชมพูขจัดรังแคคลีนิค เคลียร์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ภายหลังจากการที่คลีนิค เคลียร์ ได้ปรับโพซิชั่นนิ่งจากการเป็นแชมพูขจัดรังแคมาสู่การโพซิชั่นนิ่งใหม่คือการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผมและหนังศีรษะ ด้วยการปรับสูตรใหม่เป็น "ไวต้า เอซ" และล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแชมพูขจัดรังแคคลีนิค เคลียร์ สูตรใหม่"ธิค แอนด์ สตรอง"สูตรสำหรับบำรุงหนังศีรษะและลดการขาดร่วงของเส้นผม ซึ่งเป็นสูตรที่ปูพรมเพื่อก้าวสู่โพซิชั่นนิ่งใหม่ทางการตลาดที่วางไว้ภายใน 1 ปีข้างหน้านี้
"การปรับโพซิชั่นนิ่งในครั้งนี้ของคลีนิค เคลียร์ จะออกมาในลักษณะเป็นแชมพูเพื่อความงามมากขึ้น และให้มากกว่าการเป็นแค่แชมพูขจัดรังแค ซึ่งการเปิดตัวสูตร ธิค แอนด์ สตรอง ถือว่าเป็นขั้นแรกของการปรับตำแหน่งทางการตลาดที่บริษัทวางไว้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผมและหนังศีรษะ นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่ คลีนิค เคลียร์แตกสูตรใหม่ลงสู่ตลาด จากปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สูตร ประกอบด้วย สูตรเย็นสดชื่น สูตรบำรุงเป็นพิเศษ และสูตรสำหรับผมที่สระบ่อย"
สำหรับงบการทำตลาดแชมพูคลีนิค เคลียร์ สูตรธิค แอนด์ สตรอง บริษัทวางไว้ที่ 100 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 200 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทใช้งบการตลาดค่อนมากสำหรับสูตรใหม่นี้ เนื่องจากวางเป้าหมายไว้ว่าจะปั้นสูตรธิค แอนด์ สตรองให้เป็นเรือธงสำหรับคลีนิค เคลียร์ เช่นเดียวกับแชมพูซันซิล ซึ่งมีสูตรโยเกิร์ต เป็นเรือธงที่สร้างรายได้ให้กับซันซิล โดยคาดว่าสูตรใหม่นี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง3%
รวมทั้งจะส่งผลให้คลีนิค เคลียร์มีส่วนแบ่งโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น17%จากปัจจุบันคลีนิค เคลียร์มีส่วนแบ่งการตลาด14.5% จากมูลค่าตลาดแชมพูโดยรวม 6,500 ล้านบาท ในขณะที่คู่แข่งเฮดแอนด์โชว์เดอร์มีส่วนแบ่ง8% แต่เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะตลาดแชมพูขจัดรังแคมูลค่า 1,500 ล้านบาท คลีนิค เคลียร์มีส่วนแบ่ง 50% เฮดแอนด์โชว์เดอร์ 27-28%
"สูตรธิค แอนด์ สตรองเป็นสูตรที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาเส้นผมที่หลุดร่วงเป็นหลัก เพราะจากการสำรวจผู้หญิงไทยพบว่ามีปัญหาด้านการหลุดร่วงของเส้นผมเกือบ50% บริษัทจึงได้เปิดตัวสูตรดังกล่าวออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด เพราะยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่ตอบสนองได้พร้อมกันคือสามารถขจัดรังแคได้และป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมได้"
นางผกาฉัตร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามบริษัทจะเริ่มสื่อสารการตลาดให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้เกี่ยวกับโพซิชั่นนิ่งของคลีนิค เคลียร์ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญสุขภาพผมและหนังศีรษะ โดยล่าสุดเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่สำหรับสูตรธิค แอนด์ สตรอง ในอีก1เดือนข้างหน้านี้ โดยในขณะนี้บริษัทได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ไปบ้างแล้ว สำหรับสูตรธิค แอนด์ สตรองเริ่มวางจำหน่ายสู่ตลาดแล้วตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสูตรใหม่นี้ไม่ได้มีการขึ้นราคาแต่อย่างใด
สำหรับในปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งผลิตภัณฑ์แชมพูภายใต้บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้งมีราว 51% จากมูลค่า 6,500 ล้านบาท และล่าสุดส่วนแบ่งโดยรวมในรอบเดือนเมษายน-พฤษภาคม เพิ่มเป็น 52.7 % แบ่งเป็นคลีนิค เคลียร์ 14.8% ขณะที่ ซันซิล 29.3% โดฟ8%
นางผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแชมพูขจัดรังแคคลีนิค เคลียร์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ภายหลังจากการที่คลีนิค เคลียร์ ได้ปรับโพซิชั่นนิ่งจากการเป็นแชมพูขจัดรังแคมาสู่การโพซิชั่นนิ่งใหม่คือการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผมและหนังศีรษะ ด้วยการปรับสูตรใหม่เป็น "ไวต้า เอซ" และล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแชมพูขจัดรังแคคลีนิค เคลียร์ สูตรใหม่"ธิค แอนด์ สตรอง"สูตรสำหรับบำรุงหนังศีรษะและลดการขาดร่วงของเส้นผม ซึ่งเป็นสูตรที่ปูพรมเพื่อก้าวสู่โพซิชั่นนิ่งใหม่ทางการตลาดที่วางไว้ภายใน 1 ปีข้างหน้านี้
"การปรับโพซิชั่นนิ่งในครั้งนี้ของคลีนิค เคลียร์ จะออกมาในลักษณะเป็นแชมพูเพื่อความงามมากขึ้น และให้มากกว่าการเป็นแค่แชมพูขจัดรังแค ซึ่งการเปิดตัวสูตร ธิค แอนด์ สตรอง ถือว่าเป็นขั้นแรกของการปรับตำแหน่งทางการตลาดที่บริษัทวางไว้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผมและหนังศีรษะ นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่ คลีนิค เคลียร์แตกสูตรใหม่ลงสู่ตลาด จากปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สูตร ประกอบด้วย สูตรเย็นสดชื่น สูตรบำรุงเป็นพิเศษ และสูตรสำหรับผมที่สระบ่อย"
สำหรับงบการทำตลาดแชมพูคลีนิค เคลียร์ สูตรธิค แอนด์ สตรอง บริษัทวางไว้ที่ 100 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 200 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทใช้งบการตลาดค่อนมากสำหรับสูตรใหม่นี้ เนื่องจากวางเป้าหมายไว้ว่าจะปั้นสูตรธิค แอนด์ สตรองให้เป็นเรือธงสำหรับคลีนิค เคลียร์ เช่นเดียวกับแชมพูซันซิล ซึ่งมีสูตรโยเกิร์ต เป็นเรือธงที่สร้างรายได้ให้กับซันซิล โดยคาดว่าสูตรใหม่นี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง3%
รวมทั้งจะส่งผลให้คลีนิค เคลียร์มีส่วนแบ่งโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น17%จากปัจจุบันคลีนิค เคลียร์มีส่วนแบ่งการตลาด14.5% จากมูลค่าตลาดแชมพูโดยรวม 6,500 ล้านบาท ในขณะที่คู่แข่งเฮดแอนด์โชว์เดอร์มีส่วนแบ่ง8% แต่เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะตลาดแชมพูขจัดรังแคมูลค่า 1,500 ล้านบาท คลีนิค เคลียร์มีส่วนแบ่ง 50% เฮดแอนด์โชว์เดอร์ 27-28%
"สูตรธิค แอนด์ สตรองเป็นสูตรที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาเส้นผมที่หลุดร่วงเป็นหลัก เพราะจากการสำรวจผู้หญิงไทยพบว่ามีปัญหาด้านการหลุดร่วงของเส้นผมเกือบ50% บริษัทจึงได้เปิดตัวสูตรดังกล่าวออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด เพราะยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่ตอบสนองได้พร้อมกันคือสามารถขจัดรังแคได้และป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมได้"
นางผกาฉัตร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามบริษัทจะเริ่มสื่อสารการตลาดให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้เกี่ยวกับโพซิชั่นนิ่งของคลีนิค เคลียร์ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญสุขภาพผมและหนังศีรษะ โดยล่าสุดเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่สำหรับสูตรธิค แอนด์ สตรอง ในอีก1เดือนข้างหน้านี้ โดยในขณะนี้บริษัทได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ไปบ้างแล้ว สำหรับสูตรธิค แอนด์ สตรองเริ่มวางจำหน่ายสู่ตลาดแล้วตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสูตรใหม่นี้ไม่ได้มีการขึ้นราคาแต่อย่างใด
สำหรับในปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งผลิตภัณฑ์แชมพูภายใต้บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้งมีราว 51% จากมูลค่า 6,500 ล้านบาท และล่าสุดส่วนแบ่งโดยรวมในรอบเดือนเมษายน-พฤษภาคม เพิ่มเป็น 52.7 % แบ่งเป็นคลีนิค เคลียร์ 14.8% ขณะที่ ซันซิล 29.3% โดฟ8%