รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เผยไม่เคยกล่าวให้ร้ายใครกรณีข่าวมาตรการเอดีเหล็กรีดร้อนของส.อ.ท. ระบุหากใครไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์ได้ โดยทางส.อ.ท.เตรียมจัดการประชุมในวันที่ 27 กันยายนนี้ 
นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.อ.ท. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท. ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีวาระเกี่ยวกับเรื่องที่ตนได้ระบุผ่านสื่อเกี่ยวกับมาตรการเอดีเหล็กรีดร้อนของ ส.อ.ท. ว่าเป็นการรับจ้างมาเรียกร้องและเตรียมจัดประชุมในวันที่ 27 กันยายนนี้ ซึ่งใครจะออกมาพูดอะไรก็พูดไป ขอยืนยันไม่เคยพูดให้ร้ายใคร และไม่เคยออกมาพูดผ่านสื่อตามที่ ส.อ.ท. ออกมาระบุแต่อย่างใด หากใครเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้ร้องเรียนมา กระทรวงพาณิชย์เปิดกว้างที่จะช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเต็มที่
“ผมไม่รู้ผู้ที่ออกมาพูดเข้าใจระบบข้อกฎหมายเอดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการเรียกเก็บเอดีไม่ใช่เป็นเรื่องที่รัฐบาลอยากจะทำก็ทำ อยากจะเลิกก็เลิกได้ เป็นเรื่องที่ผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการ เห็นว่าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดสินค้าในประเทศได้รับความเดือดร้อนจริง ซึ่งกระบวนการยกเลิกหรือทบทวนจะต้องมีการร้องเรียนเข้ามา โดยรัฐบาลจะประกาศยกเลิกเองไม่ได้ ในเมื่อกระทรวงพาณิชย์ เปิดกว้างให้ผู้ที่คิดว่าเดือดร้อนได้ทำเรื่องเข้ามาว่าสินค้าเหล็กภายในประเทศขาดแคลน ก็ให้ร้องเรียนและเสนอข้อมูลเข้ามาว่าขาดอยู่จำนวนมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นว่ามีการร้องเรียนเข้ามา จึงไม่รู้ว่าทำไมไปใช้เวทีข้างนอกออกมาโจมตี ผมขอร้องใครเดือดร้อนจริงขอให้แจ้งกระทรวงพาณิชย์ ทราบ อย่าเล่นการเมืองกันมากเกินไป และขอยืนยันไม่เคยออกมาพูดให้ร้ายใครและไม่เคยพูดโจมตีใครอีกด้วย” นายวัฒนา กล่าว
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงปัญหาเรื่องเหล็กรีดร้อนที่ภาคเอกชนได้ออกมาร้องเรียนว่าวัตถุดิบภายในประเทศขาดแคลน และต้องการให้ละเว้นมาตรการเอดีสินค้าเหล็กรีดร้อนทั้ง 14 ประเทศ ออกไปอีก 6 เดือนนั้น กระทรวงพาณิชย์คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะข้อมูลที่มีอยู่ถือเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเหล็กภายในประเทศไม่ได้ขาดแคลน
ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้เหล็กประมาณปีละ 5 ล้านตัน แบ่งเป็น 3 ล้านตัน ผลิตได้ในประเทศ และ 2.3 ล้านตัน นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้นำมาจากประเทศต่าง ๆ จำนวน 2.1 ล้านตัน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษีเอดีเหล็ก ดังนั้น เหล็กที่เกี่ยวข้องกับเอดี จึงมีเพียงประมาณแสนตัน และในจำนวนนั้นเป็นการนำเข้าเพื่อผลิตสินค้าและส่งออกไป จึงทำให้เหลือเหล็กนำเข้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีเอดีเหล็กและใช้ในประเทศตามจริงเพียง 14,000 ตันเท่านั้น ซึ่งจะต้องเก็บภาษีเอดีต่อไป และได้เริ่มเก็บมาแล้วตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา
                                                                            
                                นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.อ.ท. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท. ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีวาระเกี่ยวกับเรื่องที่ตนได้ระบุผ่านสื่อเกี่ยวกับมาตรการเอดีเหล็กรีดร้อนของ ส.อ.ท. ว่าเป็นการรับจ้างมาเรียกร้องและเตรียมจัดประชุมในวันที่ 27 กันยายนนี้ ซึ่งใครจะออกมาพูดอะไรก็พูดไป ขอยืนยันไม่เคยพูดให้ร้ายใคร และไม่เคยออกมาพูดผ่านสื่อตามที่ ส.อ.ท. ออกมาระบุแต่อย่างใด หากใครเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้ร้องเรียนมา กระทรวงพาณิชย์เปิดกว้างที่จะช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเต็มที่
“ผมไม่รู้ผู้ที่ออกมาพูดเข้าใจระบบข้อกฎหมายเอดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการเรียกเก็บเอดีไม่ใช่เป็นเรื่องที่รัฐบาลอยากจะทำก็ทำ อยากจะเลิกก็เลิกได้ เป็นเรื่องที่ผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการ เห็นว่าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดสินค้าในประเทศได้รับความเดือดร้อนจริง ซึ่งกระบวนการยกเลิกหรือทบทวนจะต้องมีการร้องเรียนเข้ามา โดยรัฐบาลจะประกาศยกเลิกเองไม่ได้ ในเมื่อกระทรวงพาณิชย์ เปิดกว้างให้ผู้ที่คิดว่าเดือดร้อนได้ทำเรื่องเข้ามาว่าสินค้าเหล็กภายในประเทศขาดแคลน ก็ให้ร้องเรียนและเสนอข้อมูลเข้ามาว่าขาดอยู่จำนวนมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นว่ามีการร้องเรียนเข้ามา จึงไม่รู้ว่าทำไมไปใช้เวทีข้างนอกออกมาโจมตี ผมขอร้องใครเดือดร้อนจริงขอให้แจ้งกระทรวงพาณิชย์ ทราบ อย่าเล่นการเมืองกันมากเกินไป และขอยืนยันไม่เคยออกมาพูดให้ร้ายใครและไม่เคยพูดโจมตีใครอีกด้วย” นายวัฒนา กล่าว
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงปัญหาเรื่องเหล็กรีดร้อนที่ภาคเอกชนได้ออกมาร้องเรียนว่าวัตถุดิบภายในประเทศขาดแคลน และต้องการให้ละเว้นมาตรการเอดีสินค้าเหล็กรีดร้อนทั้ง 14 ประเทศ ออกไปอีก 6 เดือนนั้น กระทรวงพาณิชย์คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะข้อมูลที่มีอยู่ถือเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเหล็กภายในประเทศไม่ได้ขาดแคลน
ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้เหล็กประมาณปีละ 5 ล้านตัน แบ่งเป็น 3 ล้านตัน ผลิตได้ในประเทศ และ 2.3 ล้านตัน นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้นำมาจากประเทศต่าง ๆ จำนวน 2.1 ล้านตัน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษีเอดีเหล็ก ดังนั้น เหล็กที่เกี่ยวข้องกับเอดี จึงมีเพียงประมาณแสนตัน และในจำนวนนั้นเป็นการนำเข้าเพื่อผลิตสินค้าและส่งออกไป จึงทำให้เหลือเหล็กนำเข้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีเอดีเหล็กและใช้ในประเทศตามจริงเพียง 14,000 ตันเท่านั้น ซึ่งจะต้องเก็บภาษีเอดีต่อไป และได้เริ่มเก็บมาแล้วตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา
 
                    

