ครีมบำรุงผิวสมุนไพรไทย"จีพีโอ เคอร์มิน"แรงไม่เลิก เผยยอดขาย5วันในงานมหกรรมสมุนไพรกว่า 4 ล้านบาท พร้อมมียอดสั่งจองอีก 40,000 ราย ล่าสุดองค์การเภสัชกรรมเตรียมเปิดให้บริษัทเข้ามาเสนองานดูแลด้านการตลาดและช่องทางการขายวันที่ 15 ก.ย.นี้ ลั่นกรุยทางทำตลาดภายในประเทศก่อน ส่วนปีหน้าเตรียมโกอินเตอร์เต็มสูบ ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีนี้กว่า 1 แสนกระปุก และเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่อีก3 รายการ
นายแพทย์ธงชัย ทวิชาชาติ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรมมีแผนเปิดให้บริษัทต่างๆ เข้ามาเสนองานและดูแลการบริหารงานในด้านการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ "ครีมบำรุงผิว จีพีโอ เคอร์มิน" ขององค์การฯ ในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยเบื้องต้นจะเป็นในส่วนการทำตลาดภายในประเทศก่อน ส่วนแผนการทำตลาดในต่างประเทศจะเริ่มเปิดให้เสนองานในปีหน้า
ทั้งนี้หลังจากที่องค์การเภสัชกรรมได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่"ครีมบำรุงผิว จีพีโอ เคอร์มิน" เป็นครั้งแรกในงานมหกรรมสมุนไพรไทยครั้งที่1 เมื่อวันที่ 1-5 กันยายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าประชาชนให้การตอบรับที่ดีมาก โดยยอดขายครีมภายในงานคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 4 ล้านบาท และยังมียอดสั่งจองสินค้าอีก 40,000 ราย ซึ่งขณะนี้ทางองค์การกำลังจัดการเรื่องยอดสั่งจองสินค้า 4 หมื่นรายการในงานมหกรรมฯให้หมดก่อน คาดว่าภายในเดือนนี้จะจัดการสินค้าให้เรียบร้อย
"ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวของเราจะเน้นให้คนไทยได้ใช้สินค้าสมุนไพรไทยที่มีคุณภาพ เพื่อทดแทนสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการบรรลุวัตถุประสงค์ของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนสินค้าไทยให้ไปสู่ระดับโลก โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกมากกว่า 1 แสนกระปุก" ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว
ในส่วนของ"ครีมบำรุงผิว จีพีโอ เคอร์มิน" ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการจดอนุสิทธิบัตรกระบวนการผลิตจีพีโอครีมอยู่ โดยครีมดังกล่าวนี้มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของมอยส์เจอร์ไรเซอร์และขมิ้นชันที่สกัดออกมาเป็นสีขาว ซึ่งปัจจุบันมี 2 ขนาด คือ 15 กรัม ราคา 450 บาท และ 50 กรัมราคา 1,300 บาท ด้านกำลังการผลิตครีมตัวใหม่ในเดือนกันยายนนี้องค์การฯคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 5 หมื่นกระปุกต่อเดือน ในขณะที่ภายหลังจากเดือนกันยายนคาดว่าจะเพิ่มกำลังผลิตโดยรวมประมาณ 1 แสนกระปุกต่อเดือน ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการของตลาด
นอกจากนั้นภายในปีนี้องค์การเภสัชกรรม มีแผนเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อจีพีโอ เคอร์มินอีก 3 ตัว ได้แก่ โฟมล้างหน้า, โลชั่น และครีมกันแดด
ก่อนหน้านี้ทางองค์การฯเคยวางตลาดครีมเคอร์มินชนิดสีเหลืองไปเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว โดยมียอดขาย 20,000 กระปุก และจำหน่ายในราคา 300 บาท แต่ทั้งนี้พบว่าครีมดังกล่าวมีอุปสรรคในการทำตลาด เช่น เนื้อครีมมีการเปลี่ยนสีและจางลงดังนั้นจึงหยุดขายครีมตัวนี้ไป
นายแพทย์ธงชัย ทวิชาชาติ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรมมีแผนเปิดให้บริษัทต่างๆ เข้ามาเสนองานและดูแลการบริหารงานในด้านการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ "ครีมบำรุงผิว จีพีโอ เคอร์มิน" ขององค์การฯ ในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยเบื้องต้นจะเป็นในส่วนการทำตลาดภายในประเทศก่อน ส่วนแผนการทำตลาดในต่างประเทศจะเริ่มเปิดให้เสนองานในปีหน้า
ทั้งนี้หลังจากที่องค์การเภสัชกรรมได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่"ครีมบำรุงผิว จีพีโอ เคอร์มิน" เป็นครั้งแรกในงานมหกรรมสมุนไพรไทยครั้งที่1 เมื่อวันที่ 1-5 กันยายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าประชาชนให้การตอบรับที่ดีมาก โดยยอดขายครีมภายในงานคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 4 ล้านบาท และยังมียอดสั่งจองสินค้าอีก 40,000 ราย ซึ่งขณะนี้ทางองค์การกำลังจัดการเรื่องยอดสั่งจองสินค้า 4 หมื่นรายการในงานมหกรรมฯให้หมดก่อน คาดว่าภายในเดือนนี้จะจัดการสินค้าให้เรียบร้อย
"ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวของเราจะเน้นให้คนไทยได้ใช้สินค้าสมุนไพรไทยที่มีคุณภาพ เพื่อทดแทนสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการบรรลุวัตถุประสงค์ของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนสินค้าไทยให้ไปสู่ระดับโลก โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกมากกว่า 1 แสนกระปุก" ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว
ในส่วนของ"ครีมบำรุงผิว จีพีโอ เคอร์มิน" ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการจดอนุสิทธิบัตรกระบวนการผลิตจีพีโอครีมอยู่ โดยครีมดังกล่าวนี้มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของมอยส์เจอร์ไรเซอร์และขมิ้นชันที่สกัดออกมาเป็นสีขาว ซึ่งปัจจุบันมี 2 ขนาด คือ 15 กรัม ราคา 450 บาท และ 50 กรัมราคา 1,300 บาท ด้านกำลังการผลิตครีมตัวใหม่ในเดือนกันยายนนี้องค์การฯคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 5 หมื่นกระปุกต่อเดือน ในขณะที่ภายหลังจากเดือนกันยายนคาดว่าจะเพิ่มกำลังผลิตโดยรวมประมาณ 1 แสนกระปุกต่อเดือน ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการของตลาด
นอกจากนั้นภายในปีนี้องค์การเภสัชกรรม มีแผนเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อจีพีโอ เคอร์มินอีก 3 ตัว ได้แก่ โฟมล้างหน้า, โลชั่น และครีมกันแดด
ก่อนหน้านี้ทางองค์การฯเคยวางตลาดครีมเคอร์มินชนิดสีเหลืองไปเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว โดยมียอดขาย 20,000 กระปุก และจำหน่ายในราคา 300 บาท แต่ทั้งนี้พบว่าครีมดังกล่าวมีอุปสรรคในการทำตลาด เช่น เนื้อครีมมีการเปลี่ยนสีและจางลงดังนั้นจึงหยุดขายครีมตัวนี้ไป