xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลผลักดันเศรษฐกิจไทยขยายต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย ถนอม พิพิธยากร

งบประมาณรายจ่ายแผ่นดินไทยประจำปี 2548-49 จะเป็นปีแรกหลังวิกฤตเศรษฐกิจประเทศไทย-เอเชียปี 2540 หรือ 8 ปีมาแล้ว ที่จะเป็นงบประมาณรายจ่ายฯ แบบสมดุล มูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลผลักดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการคลังของประเทศอย่างเต็มที่

นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่า ช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพยามยามต่อเนื่อง ทุกวิถีทาง ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ผลักดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของไทยทุกตัว ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช่น สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศ ต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย (GDP-Gross Domestic Product) ลดลงต่อเนื่อง หนี้สินต่างประเทศของไทยก็ลดลงต่อเนื่องเช่นกัน ขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดุลการค้า-บริการ เป็นบวกต่อเนื่อง

โดยรัฐบาลปัจจุบัน ต้องฝ่าฟัน 4 วิกฤตใหญ่ ๆ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการระบาดโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (SARS) เกือบทั่วเอเชีย การระบาดโรคไข้หวัดนกในไก่ เกือบทั่วเอเชีย สถานการณ์ความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ถึงปัจจุบัน และแนวโน้มยังเป็นขาขึ้นในอนาคต

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า หากรัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เช่นที่ผ่านมากว่า 3 ปี ประเทศไทยก็จะประสบปัญหาอย่างแน่นอน แต่ในทางตรงข้าม เศรษฐกิจปัจจุบัน ยังเป็นช่วงขาขึ้นต่อเนื่อง แม้จะสะดุดบ้างเป็นบางช่วง จากสถานการณ์ต่าง ๆ ข้างต้น ที่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ที่พุ่งขึ้นไม่หยุด “ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของไทยทุกตัว ไม่มีอะไรเสียหาย” นายกรัฐมนตรียืนยัน

ความต่อเนื่องของการขยายตัวเศรษฐกิจไทยช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้รัฐบาลสามารถทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548-49 เป็นแบบสมดุล เป็นปีแรกในรอบ 8 ปี ตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจไทย-เอเชีย ปี 2540 ด้วยงบประมาณกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่งผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา วาระ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ปีงบประมาณปัจจุบัน 2547-48 นายกรัฐมนตรีคาดอาจได้เห็นงบประมาณแบบสมดุลได้ ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการคลังของประเทศอย่างเต็มที่

ขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามแก้ปัญหาวิกฤตการณ์น้ำมันดิบตลาดโลกแพง โดยเร่งส่งเสริมทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ-เอกชน ใช้พลังงานทดแทนจากพืช ซึ่งในอดีต เทคโนโลยีผลิตพลังงานจากพืช มีอยู่แล้ว แต่ไม่คุ้มต้นทุน เพราะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังถูก

แต่ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ซึ่งประเทศไทยต้องนำเข้ามูลค่ามหาศาลต่อปี พุ่งขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทย รวมถึงประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ต้องเสาะหาพลังงานราคาถูกกว่าทดแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวคิดผลิตพลังงานจากพืช

โยถือเป็นการ “ปลูกน้ำมัน” จากการผลิตพลังงานจากพืช โดยเฉพาะอ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม มะพร้าว ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีแนวพระราชดำรินี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ “พืชพลังงาน” เหล่านี้ ราคาสูงขึ้นในตลาดโลกด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรไทย ที่ปลูก “พืชพลังงาน” เหล่านี้ ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น กำลังซื้อคนไทยเหล่านี้เพิ่มขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยหมุนเวียน ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากภาคชนบท สู่เมือง

โดยเฉพาะอ้อย ซึ่งสามารถผลิตเป็นแกสโซฮอล์ ดังที่บราซิลทำสำเร็จมาแล้ว ขณะที่คนไทยกำลังบริโภคน้ำตาลในประเทศ ราคาสูงกว่าน้ำตาลเพื่อการส่งออก ทำให้คนไทยต้องบริโภคน้ำตาลราคาแพงกว่าต่างประเทศ แนวคิด พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี หากประเทศไทยผลิต “พืชพลังงาน” เหล่านี้ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงาน ทดแทนน้ำมันปัจจุบัน ไม่เพียงพอ ก็อาจให้ประเทศเพื่อนบ้านรอบ ๆ ข้างไทย ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา ผลิตให้

ความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่กำลังพยายามแก้ปัญหาให้คนไทยทุกส่วนในสังคมไทย ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง ยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากคนไทยทุกส่วน ทุกฝ่าย ซึ่งจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ ที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ บรรเทา และหายไปได้ในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น