มาสเตอร์แอดเร่งหารายได้ทดแทน หลังโครงการไตรวิชั่นในจีนมีปัญหา เจอตอปัญหาทำเล ยังมั่นใจหารายได้อื่นมาแทนเป็นไปตามเป้าหมาย เร่งเจรจาบังคลาเทศ อินเดีย มาเลเซีย ปิดดีลร่วมทุนผลิตสื่อโฆษณากลางแจ้ง
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (MACO) เปิดเผยว่า บริษัทยังคาดการณ์รายได้ปีนี้จะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ 600 ล้านบาท แม้ว่าการรับรู้รายได้จากโครงการไตรวิชั่นอาจลดลง เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโลเกชั่นในประเทศจีน ที่ส่วนใหญ่เป็นโลเกชั่นของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถประมาณการได้ว่ารายได้เดิมที่ตั้งเป้าไว้ 100 ล้านบาท จากโครงการดังกล่าวจะลดลงเท่าไหร่ ต้องรอดูการประเมินผลงานในเดือนหน้า
สำหรับสาเหตุที่รายได้ของบริษัทยังเติบโตเป็นไปตามที่คาดการณ์ เนื่องจากบริษัทสามารถประมูลโครงการใหม่หลายโครงการเข้ามาเพิ่มเติมจากรายได้ที่หายไป เช่น สื่อโฆษณา BTS Walkway จำนวน 64 ป้าย และโครงการผลิตและติดตั้งสื่อโฆษณาไตรวิชั่น ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.การบินไทย โดยโครงการนี้มีมูลค่าทั้งสิ้น 10-11 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในเดือนหน้าบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องการรับงานประมูลโครงการติดตั้งสื่อโฆษณาในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 500-600 ป้าย ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความเป็นไปได้มากที่บริษัทจะชนะการประมูล โดยบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนกันยายนนี้ มูลค่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวประมาณ 120 ล้านบาท บริษัทคาดว่าหลังจากทราบผลแล้วจะก่อสร้างเสร็จและให้บริการได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้เข้ามาทันทีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อเดือน
"ทางบริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้น่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ที่ประมูลได้ไม่น่าจะเกิน 200 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเครดิตจากสถาบันการเงิน โดยบริษัทยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนในตอนนี้ ยกเว้นว่ามีโครงการใหม่ ๆ ที่คาดไม่ถึงเข้ามาบริษัทอาจมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจากับทางประเทศบังคลาเทศ อินเดีย และมาเลเซียที่จะเข้าไปร่วมลงทุนสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นโครงการที่ค่อนข้างใหญ่" นายนพดล กล่าว
อย่างไรก็ตาม MACO ยังคาดการผลประกอบการในไตรมาส 3 ปีนี้ น่าจะดีกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาส 3 หน่วยงานของภาครัฐจะเริ่มปิดงบประมาณ จึงทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แม้ว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมีผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในโครงการ Railway Billboard เพราะโครงส่วนใหญ่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก
แต่อย่างไรก็ดีผลกระทบจากราคาเหล็กที่พุ่งสูง ก็กระทบกับบริษัทไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นผู้รับภาระไป สำหรับมาตรการประหยัดพลังงานของภาครัฐ ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้และสัดส่วนลูกค้าของบริษัท เพราะบริษัทได้จัดแคมเปญใหม่ 5 แคมเปญ เพื่อนำเสนอให้ลูกค้าชดเชยช่วงเวลาที่ต้องปิดไฟป้ายโฆษณา นอกจากนี้ รายได้ที่บริษัทได้รับจากค่าไฟฟ้าถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ค่าโฆษณาและค่าผลิตอุปกรณ์โฆษณา
สำหรับผลกระทบจากกรณีที่บริษัทหลายๆ บริษัทได้ตัดงบโฆษณาออกไป เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลกระทบกับบริษัทไม่มากเช่นกัน เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย เป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของสื่อโฆษณาโทรทัศน์ ดังนั้นหากลูกค้าจะตัดรายจ่ายในส่วนนี้ก็น่าจะตัดรายจ่ายจากสื่อโฆษณาโทรทัศน์มากกว่า
สำหรับการปรับขึ้นค่าโฆษณา ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วจะปรับขึ้นประมาณ 5% โดยบริษัทจะเอื้อปรับราคาตามลักษณะการเจรจากับลูกค้าแต่ละราย
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (MACO) เปิดเผยว่า บริษัทยังคาดการณ์รายได้ปีนี้จะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ 600 ล้านบาท แม้ว่าการรับรู้รายได้จากโครงการไตรวิชั่นอาจลดลง เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโลเกชั่นในประเทศจีน ที่ส่วนใหญ่เป็นโลเกชั่นของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถประมาณการได้ว่ารายได้เดิมที่ตั้งเป้าไว้ 100 ล้านบาท จากโครงการดังกล่าวจะลดลงเท่าไหร่ ต้องรอดูการประเมินผลงานในเดือนหน้า
สำหรับสาเหตุที่รายได้ของบริษัทยังเติบโตเป็นไปตามที่คาดการณ์ เนื่องจากบริษัทสามารถประมูลโครงการใหม่หลายโครงการเข้ามาเพิ่มเติมจากรายได้ที่หายไป เช่น สื่อโฆษณา BTS Walkway จำนวน 64 ป้าย และโครงการผลิตและติดตั้งสื่อโฆษณาไตรวิชั่น ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.การบินไทย โดยโครงการนี้มีมูลค่าทั้งสิ้น 10-11 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในเดือนหน้าบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องการรับงานประมูลโครงการติดตั้งสื่อโฆษณาในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 500-600 ป้าย ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความเป็นไปได้มากที่บริษัทจะชนะการประมูล โดยบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนกันยายนนี้ มูลค่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวประมาณ 120 ล้านบาท บริษัทคาดว่าหลังจากทราบผลแล้วจะก่อสร้างเสร็จและให้บริการได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้เข้ามาทันทีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อเดือน
"ทางบริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้น่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ที่ประมูลได้ไม่น่าจะเกิน 200 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเครดิตจากสถาบันการเงิน โดยบริษัทยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนในตอนนี้ ยกเว้นว่ามีโครงการใหม่ ๆ ที่คาดไม่ถึงเข้ามาบริษัทอาจมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจากับทางประเทศบังคลาเทศ อินเดีย และมาเลเซียที่จะเข้าไปร่วมลงทุนสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นโครงการที่ค่อนข้างใหญ่" นายนพดล กล่าว
อย่างไรก็ตาม MACO ยังคาดการผลประกอบการในไตรมาส 3 ปีนี้ น่าจะดีกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาส 3 หน่วยงานของภาครัฐจะเริ่มปิดงบประมาณ จึงทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แม้ว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมีผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในโครงการ Railway Billboard เพราะโครงส่วนใหญ่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก
แต่อย่างไรก็ดีผลกระทบจากราคาเหล็กที่พุ่งสูง ก็กระทบกับบริษัทไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นผู้รับภาระไป สำหรับมาตรการประหยัดพลังงานของภาครัฐ ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้และสัดส่วนลูกค้าของบริษัท เพราะบริษัทได้จัดแคมเปญใหม่ 5 แคมเปญ เพื่อนำเสนอให้ลูกค้าชดเชยช่วงเวลาที่ต้องปิดไฟป้ายโฆษณา นอกจากนี้ รายได้ที่บริษัทได้รับจากค่าไฟฟ้าถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ค่าโฆษณาและค่าผลิตอุปกรณ์โฆษณา
สำหรับผลกระทบจากกรณีที่บริษัทหลายๆ บริษัทได้ตัดงบโฆษณาออกไป เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลกระทบกับบริษัทไม่มากเช่นกัน เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย เป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของสื่อโฆษณาโทรทัศน์ ดังนั้นหากลูกค้าจะตัดรายจ่ายในส่วนนี้ก็น่าจะตัดรายจ่ายจากสื่อโฆษณาโทรทัศน์มากกว่า
สำหรับการปรับขึ้นค่าโฆษณา ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วจะปรับขึ้นประมาณ 5% โดยบริษัทจะเอื้อปรับราคาตามลักษณะการเจรจากับลูกค้าแต่ละราย