เซเว่นอีเลฟเว่น เปิดแผนบุกร้านหนังสือ บุ๊คสไมล์ ระดมทุนเปิดเครือข่ายเพิ่มเป็น 50 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ หลังทยอยปิดสาขาเดี่ยวที่รายได้ไม่ดีไปแล้ว เผยสาขาใหม่เข้าคอนเซ็ปท์ ห้องที่สามของเซเว่นหมดแล้ว มีสัดส่วนรายได้ 15% ของเซเว่นฯรวม เตรียมปรับไลน์สินค้าและบริการใหม่ๆเข้าเสริม เพื่อหวังดึงดูดและสร้างศักยภาพแข่งขันกับร้านหนังสือเครืออื่น แม้จะชะลอโครงการบริการเอกสารไปแล้ว
แหล่งข่าวจากเครือซีพี กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงธุรกิจร้านหนังสือ บุ๊คสไมล์ ว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านบุ๊คสไมล์อีกไม่ต่ำกว่า 30 สาขา จากเดิมที่เมื่อสิ้นปีมีสาขาประมาณ 20 กว่าสาขา ซึ่งขณะนี้มีสาขาเปิดบริการแล้ว 42 สาขา ซึ่งมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมมากกว่า 50 สาขา สาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดเช่น ท่าอิฐ พระรามสอง เพชรเกษมหมู่บ้นเศรษฐกิจ มักกะสัน เป็นต้น ซึ่งเป็นการเปิดสาขาที่ติดกันและเปิดทะลุพื้นที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งสิ้น
โดยสาขาใหม่ของร้านบุ๊คสไมล์จะเป็นไปตามคอนเซ็ปท์ที่ว่า ห้องที่สามของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งถึงวันนี้มีร้านที่อยู่ในคอนเซ็ปท์นี้แล้วเกือบทั้งหมด ส่วนร้านที่เคยเปิดมาก่อนหน้านี้เป็นการทดลองนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการเปิดแบบแยกเดี่ยวไม่ได้ติดกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเดิมนั้น ขณะนี้ได้ทยอยปิดไปบางสาขาที่ยอดขายไม่ดีแล้วหลายแห่งเช่นสาขา รามคำแหงสอง , ซอยลือชา, ราชวิถี เป็นต้น ส่วนสาขาสแตนด์อโลนที่ยังมียอดขายดีอยู่นั้นก็จะเปิดบริการต่อไปรวมเหลือ 8 สาขา เช่นที่ เมืองทองธานี, โรงพยาบาลรามคำแหง, วิทยาลัยครูจันทรเกษม, ปิ่นเกล้า เป็นต้น
สาขาที่เปิดช่วงหลังนี้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและการตกแต่งตลอดจนการบริการใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและกลมกลืนกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นด้วยเช่น บรรยากาศ ความสว่าง การจัดวางสินค้า เช่น แคชเชียร์ที่รับชำระเงิน จากเดิมในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มี 2 แคชเชียร์ และร้านบุ๊คสไมล์ มี 1 แคชเชียร์ จะนำมารวมกันอยู่ที่เดียว และยอดขายก็จะนำมารวมกันในบัญชีเดียวกันเพราะทำในนามของเซเว่นอีเลฟเว่น
การเปิดร้านทั้งสองติดกันนี้เป็นการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพในการลทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากที่เปิดร้านบุ๊คสไมล์ติดกับเซเว่นฯแล้วส่งผลให้ยอดขายในส่วนของบุ๊คสไมล์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะทำให้เกิดการไหลเวียนของลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ซึ่งพบว่าตัวเลขของรายได้จากร้านบุ๊คสไมล์นั้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-15% ของรายได้รวมเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งหมด และจะทำให้ธุรกิจหนังสือของเซเว่นอีเลฟเว่นสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในวงการนี้ได้
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า แนวทางการขยายร้านบุ๊คสไมล์ในช่วงแรกจะเป็นการลงทุนเองของเซเว่นฯก่อน เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีโครงการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจด้วย โดยเฉพาะแฟรนไชส์ร้านเซเว่นเดิมที่ทำอยู่แล้วจะเป็นจุดมุ่งหมายแรกก่อน ทั้งนี้มูลค่าการลงทุนของร้านบุ๊คสไมล์ปัจจุบันอยู่ที่ 700,000-1 ล้านบาทซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่และทำเล
สำหรับการจัดวางสินค้าภายในร้านบุ๊คสไมล์ มีการแบ่งแยกออกเป็น 4 กลุ่มหลักคือ 1.กลุ่มหนังสือ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดกว่า 60% และใช้พื้นที่มากที่สุดประมาณ 70% 2.กลุ่มสินค้าบันเทิง 3.กลุ่มสินค้าเครื่องเขียน 4.กลุ่มสินค้าเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อหาทางสรุปถึงการขยายไลน์สินค้าและบริการใหม่ๆเข้ามาเสริมเช่น อาจจะมีการปรับแนวทางการทำตลาดกลุ่มเครื่องเขียนใหม่ เพราะว่าเป็นกลุ่มสินค้า ที่มีค่าจีพีค่อนข้างดี หรืออาจจะมีการเพิ่มสินค้าในไลน์กิ๊ฟท์ชอปมากขึ้น ส่วนสินค้ากลุ่มหนังสือนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการฝากขายมากกว่า 80% มีที่ซื้อขาดบ้างเช่น ของสำนักพิมพ์อัมรินทร์เป็นต้น
นอกจากนั้นก็จะเป็นการเพิ่มเติมในส่วนของเรื่องการบริการเสริมต่างๆ ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เช่น ก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองบริการที่เกี่ยวกับเอกสารเช่น การถ่ายเอกสาร การเย็บเล่ม การรับทำงานพิมพ์เป็นต้น โดยทดลองที่ร้านบางสาขาเช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สาขารามคำแหงสอง สาขาราชวิถี ซึ่งบริษัททำเองแต่เป็นการใช้อุปกรณ์ของทางดั๊บเบิ้ลเอ แต่ขณะนี้ได้ชะลอไว้ก่อน เนื่องจากพบปัญหาในการปฎิบัติโดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนและบุคลากรที่ต้องใช้ยังไม่พร้อม ซึ่งไม่สามารถทำได้ทุกสาขา และที่ผ่านมายอดรายได้ในบริการเหล่านี้ยังไม่มาก
โครงการหนึ่งที่อาจจะมีความเป็นไปได้ คือการทำอินเทอร์เน็ตในร้าน ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะร่วมมือกับ ทรูและสามารถไอโมบาย แต่ยังไม่มีการเจรจาในรายละเอียด
แหล่งข่าวจากเครือซีพี กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงธุรกิจร้านหนังสือ บุ๊คสไมล์ ว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านบุ๊คสไมล์อีกไม่ต่ำกว่า 30 สาขา จากเดิมที่เมื่อสิ้นปีมีสาขาประมาณ 20 กว่าสาขา ซึ่งขณะนี้มีสาขาเปิดบริการแล้ว 42 สาขา ซึ่งมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมมากกว่า 50 สาขา สาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดเช่น ท่าอิฐ พระรามสอง เพชรเกษมหมู่บ้นเศรษฐกิจ มักกะสัน เป็นต้น ซึ่งเป็นการเปิดสาขาที่ติดกันและเปิดทะลุพื้นที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งสิ้น
โดยสาขาใหม่ของร้านบุ๊คสไมล์จะเป็นไปตามคอนเซ็ปท์ที่ว่า ห้องที่สามของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งถึงวันนี้มีร้านที่อยู่ในคอนเซ็ปท์นี้แล้วเกือบทั้งหมด ส่วนร้านที่เคยเปิดมาก่อนหน้านี้เป็นการทดลองนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการเปิดแบบแยกเดี่ยวไม่ได้ติดกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเดิมนั้น ขณะนี้ได้ทยอยปิดไปบางสาขาที่ยอดขายไม่ดีแล้วหลายแห่งเช่นสาขา รามคำแหงสอง , ซอยลือชา, ราชวิถี เป็นต้น ส่วนสาขาสแตนด์อโลนที่ยังมียอดขายดีอยู่นั้นก็จะเปิดบริการต่อไปรวมเหลือ 8 สาขา เช่นที่ เมืองทองธานี, โรงพยาบาลรามคำแหง, วิทยาลัยครูจันทรเกษม, ปิ่นเกล้า เป็นต้น
สาขาที่เปิดช่วงหลังนี้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและการตกแต่งตลอดจนการบริการใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและกลมกลืนกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นด้วยเช่น บรรยากาศ ความสว่าง การจัดวางสินค้า เช่น แคชเชียร์ที่รับชำระเงิน จากเดิมในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มี 2 แคชเชียร์ และร้านบุ๊คสไมล์ มี 1 แคชเชียร์ จะนำมารวมกันอยู่ที่เดียว และยอดขายก็จะนำมารวมกันในบัญชีเดียวกันเพราะทำในนามของเซเว่นอีเลฟเว่น
การเปิดร้านทั้งสองติดกันนี้เป็นการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพในการลทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากที่เปิดร้านบุ๊คสไมล์ติดกับเซเว่นฯแล้วส่งผลให้ยอดขายในส่วนของบุ๊คสไมล์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะทำให้เกิดการไหลเวียนของลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ซึ่งพบว่าตัวเลขของรายได้จากร้านบุ๊คสไมล์นั้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-15% ของรายได้รวมเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งหมด และจะทำให้ธุรกิจหนังสือของเซเว่นอีเลฟเว่นสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในวงการนี้ได้
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า แนวทางการขยายร้านบุ๊คสไมล์ในช่วงแรกจะเป็นการลงทุนเองของเซเว่นฯก่อน เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีโครงการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจด้วย โดยเฉพาะแฟรนไชส์ร้านเซเว่นเดิมที่ทำอยู่แล้วจะเป็นจุดมุ่งหมายแรกก่อน ทั้งนี้มูลค่าการลงทุนของร้านบุ๊คสไมล์ปัจจุบันอยู่ที่ 700,000-1 ล้านบาทซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่และทำเล
สำหรับการจัดวางสินค้าภายในร้านบุ๊คสไมล์ มีการแบ่งแยกออกเป็น 4 กลุ่มหลักคือ 1.กลุ่มหนังสือ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดกว่า 60% และใช้พื้นที่มากที่สุดประมาณ 70% 2.กลุ่มสินค้าบันเทิง 3.กลุ่มสินค้าเครื่องเขียน 4.กลุ่มสินค้าเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อหาทางสรุปถึงการขยายไลน์สินค้าและบริการใหม่ๆเข้ามาเสริมเช่น อาจจะมีการปรับแนวทางการทำตลาดกลุ่มเครื่องเขียนใหม่ เพราะว่าเป็นกลุ่มสินค้า ที่มีค่าจีพีค่อนข้างดี หรืออาจจะมีการเพิ่มสินค้าในไลน์กิ๊ฟท์ชอปมากขึ้น ส่วนสินค้ากลุ่มหนังสือนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการฝากขายมากกว่า 80% มีที่ซื้อขาดบ้างเช่น ของสำนักพิมพ์อัมรินทร์เป็นต้น
นอกจากนั้นก็จะเป็นการเพิ่มเติมในส่วนของเรื่องการบริการเสริมต่างๆ ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เช่น ก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองบริการที่เกี่ยวกับเอกสารเช่น การถ่ายเอกสาร การเย็บเล่ม การรับทำงานพิมพ์เป็นต้น โดยทดลองที่ร้านบางสาขาเช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สาขารามคำแหงสอง สาขาราชวิถี ซึ่งบริษัททำเองแต่เป็นการใช้อุปกรณ์ของทางดั๊บเบิ้ลเอ แต่ขณะนี้ได้ชะลอไว้ก่อน เนื่องจากพบปัญหาในการปฎิบัติโดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนและบุคลากรที่ต้องใช้ยังไม่พร้อม ซึ่งไม่สามารถทำได้ทุกสาขา และที่ผ่านมายอดรายได้ในบริการเหล่านี้ยังไม่มาก
โครงการหนึ่งที่อาจจะมีความเป็นไปได้ คือการทำอินเทอร์เน็ตในร้าน ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะร่วมมือกับ ทรูและสามารถไอโมบาย แต่ยังไม่มีการเจรจาในรายละเอียด