เอ็มโพเรี่ยม หว่านงบ 50 ล้านบาท จัดงาน "The Ultimate Timepiece 2004" รวมพลนาฬิกากว่า 150 แบรนด์ มูลค่า 1,500 ล้านบาท จับกลุ่มคนไทยกระเป๋าหนัก - นักท่องเที่ยวต่างประเทศ หวังปูพรมผลักดันไทยเป็นชอปปิ้งพาราไดซ์ได้เร็วขึ้น มั่นใจคนแห่ร่วมงานเพิ่มกว่า 50%หรือ 20,000 คนต่อวัน เงินสะพัด 200 ล้านบาท
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ กรรมการผู้จัดการ ดิ เอ็มโพเรียทม ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดงาน "The Ultimate Timepiece 2004"ซึ่งเป็นการแสดงนาฬิกาครั้งใหญ่ระดับภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม - 2 กันยายน 2547 โดยภายในงานจะรวมนาฬิกาชั้นนำกว่า 150 แบรนด์ อาทิ Carl. F. Bucherer ,Bertalucci, Givenchy เป็นต้น รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท โดยคาดว่างานดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดงานนาฬิกาชั้นนำที่สยามพารากอน ซึ่งจะสร้างเสร็จในปี 2548 ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการชอปปิ้งได้เร็วขึ้น รวมทั้งกระตุ้นให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น
สำหรับพื้นที่ภายในงานปีนี้เพิ่มขึ้น 3 เท่า หรือประมาณ 2,500 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่การจัดงาน 5 ส่วน ประกอบด้วย พื้นที่แรกโซน Time Extravaganza จัดแสดงนาฬิกาที่มีอยู่เรือนเดียวในประเทศไทย และมีความพิเศษเฉพาะ โซน Inspring Showcase แสดงพิพิธภัณฑ์นาฬิกา 5 เรือน ที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ โดยทางเอ็มโพเรี่ยมต้องใช้เงินค่าประกันสินค้าชุดนี้ กว่า 100 ล้านบาท
โซนFashion Wizard Watch เน้นจัดแสดงนาฬิกาแฟชั่นจากหลายแบรนด์ดัง โซนSmart Diva นาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่ชอบความหรูหรา และโซนDaring Escapacede แสดงนาฬิกาคอลเลคชั่นพิเศษ สำหรับกีฬาโอลิมปิก อีกทั้งบริษัทยังได้ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวงาน The Emporium Hall ซึ่งได้จัดให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมแห่งใหม่ด้วยเนื้อที่กว่า1,800 ตารางเมตร เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้า
"ไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ คือการนำนาฬิกาแบรนด์ ยูลิส นาแดง รุ่น "BULE MARINE THE QUEEN" ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา โดยนาฬิการุ่นนี้ได้ถูกนำออกมาประมูล ราคาเริ่มต้นที่ 720,000 บาท นอกจากนี้ยังนำนาฬิกาเพชร Museum Masterpieces จำนวน 5 เรือน ที่เพิ่งนำออกมาแสดงในงาน "บาร์เซิล เวิลด์ 2004" มาจัดแสดงในงานนี้อีกด้วย"
สำหรับผู้เข้าชมคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100,000 คน จากปกติจะมีคนเข้าประมาณ 20,000 คนต่อวันงานนี้จะสามารถดึงคนให้เข้า ดิ เอ็มโพเรี่ยมเพิ่มขึ้นถึง 50% และตั้งเป้ารายได้จากงานไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ กรรมการผู้จัดการ ดิ เอ็มโพเรียทม ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดงาน "The Ultimate Timepiece 2004"ซึ่งเป็นการแสดงนาฬิกาครั้งใหญ่ระดับภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม - 2 กันยายน 2547 โดยภายในงานจะรวมนาฬิกาชั้นนำกว่า 150 แบรนด์ อาทิ Carl. F. Bucherer ,Bertalucci, Givenchy เป็นต้น รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท โดยคาดว่างานดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดงานนาฬิกาชั้นนำที่สยามพารากอน ซึ่งจะสร้างเสร็จในปี 2548 ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการชอปปิ้งได้เร็วขึ้น รวมทั้งกระตุ้นให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น
สำหรับพื้นที่ภายในงานปีนี้เพิ่มขึ้น 3 เท่า หรือประมาณ 2,500 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่การจัดงาน 5 ส่วน ประกอบด้วย พื้นที่แรกโซน Time Extravaganza จัดแสดงนาฬิกาที่มีอยู่เรือนเดียวในประเทศไทย และมีความพิเศษเฉพาะ โซน Inspring Showcase แสดงพิพิธภัณฑ์นาฬิกา 5 เรือน ที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ โดยทางเอ็มโพเรี่ยมต้องใช้เงินค่าประกันสินค้าชุดนี้ กว่า 100 ล้านบาท
โซนFashion Wizard Watch เน้นจัดแสดงนาฬิกาแฟชั่นจากหลายแบรนด์ดัง โซนSmart Diva นาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่ชอบความหรูหรา และโซนDaring Escapacede แสดงนาฬิกาคอลเลคชั่นพิเศษ สำหรับกีฬาโอลิมปิก อีกทั้งบริษัทยังได้ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวงาน The Emporium Hall ซึ่งได้จัดให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมแห่งใหม่ด้วยเนื้อที่กว่า1,800 ตารางเมตร เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้า
"ไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ คือการนำนาฬิกาแบรนด์ ยูลิส นาแดง รุ่น "BULE MARINE THE QUEEN" ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา โดยนาฬิการุ่นนี้ได้ถูกนำออกมาประมูล ราคาเริ่มต้นที่ 720,000 บาท นอกจากนี้ยังนำนาฬิกาเพชร Museum Masterpieces จำนวน 5 เรือน ที่เพิ่งนำออกมาแสดงในงาน "บาร์เซิล เวิลด์ 2004" มาจัดแสดงในงานนี้อีกด้วย"
สำหรับผู้เข้าชมคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100,000 คน จากปกติจะมีคนเข้าประมาณ 20,000 คนต่อวันงานนี้จะสามารถดึงคนให้เข้า ดิ เอ็มโพเรี่ยมเพิ่มขึ้นถึง 50% และตั้งเป้ารายได้จากงานไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท