กรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์และกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร 10 ล้านบาท ให้สหกรณ์การเกษตรผู้ปลูกข้าวญี่ปุ่นสุโขทัย จำกัด นำไปรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกในจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 5 จังหวัด ส่งขายให้กับบริษัทส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น
นายบุญมี จันทรวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้สนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์และกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรจำนวน 10 ล้านบาท ให้กับสหกรณ์การเกษตรผู้ปลูกข้าวญี่ปุ่นสุโขทัย จำกัด เพื่อนำไปจัดหาปัจจัยการผลิตและรวบรวมข้าวญี่ปุ่นจากสมาชิกสหกรณ์ 1,340 คน ใน 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร และชัยนาท ก่อนจะจำหน่ายให้กับบริษัท สยามอโรนี (เอส เอ) จำกัด เพื่อแปรรูปส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ทั้งในรูปของข้าวสารและแป้ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันสหกรณ์ฯ สามารถรวบรวมข้าวเปลือกญี่ปุ่นจากสมาชิกและจำหน่ายให้กับบริษัทดังกล่าวมูลค่า 12,921,477 บาท สหกรณ์ฯ จะมีรายได้จากค่าบริการจากการขายข้าวเปลือกตันละ 500 บาท และทางบริษัทฯ จะกำหนดราคารับซื้อข้าวญี่ปุ่นที่สูงกว่าข้าวไทยในระดับความชื้น 25% รับซื้อราคา 6,000 บาท และไม่เกิน 16% รับซื้อราคา 8,000 บาท ซึ่งกรมฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุโขทัยเข้าไปดูแลสหกรณ์ฯ ในเรื่องการเจรจาธุรกิจซื้อขายข้าวญี่ปุ่นระหว่างสหกรณ์ฯ กับบริษัทที่รับซื้อ และการวางแผนระบบการบริหารจัดการภายในสหกรณ์ฯ รวมถึงการสนับสนุนเรื่องเงินทุนในการรวบรวมผลผลิตและการจัดหาปัจจัยการผลิตเพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ฯ
นายบุญมี กล่าวอีกว่า ทางสหกรณ์ฯ ร่วมกับบริษัท สยามอโรนีฯ เข้าไปให้คำแนะนำแก่สมาชิกถึงวิธีการปลูกข้าวญี่ปุ่นที่ถูกต้องและวิธีการเพิ่มผลผลิต และมีเกษตรกรให้ความสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกจำนวนมาก แต่จำเป็นต้องดูสภาพพื้นที่ที่จะเพาะปลูกว่ามีความเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าวญี่ปุ่นหรือไม่ เนื่องจากการปลูกข้าวญี่ปุ่นจำเป็นต้องมีระดับน้ำในพื้นที่ประมาณ 10 เซนติเมตร ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว และเป็นที่ราบ ไม่ใช่ที่ดอน ดังนั้น ผู้ที่จะปลูกข้าวญี่ปุ่นจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาที่ดินเข้าไปตรวจสอบสภาพพื้นที่เพื่อดูความเหมาะสมก่อน จึงจะสามารถดำเนินการปลูกได้
นายบุญมี จันทรวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้สนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์และกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรจำนวน 10 ล้านบาท ให้กับสหกรณ์การเกษตรผู้ปลูกข้าวญี่ปุ่นสุโขทัย จำกัด เพื่อนำไปจัดหาปัจจัยการผลิตและรวบรวมข้าวญี่ปุ่นจากสมาชิกสหกรณ์ 1,340 คน ใน 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร และชัยนาท ก่อนจะจำหน่ายให้กับบริษัท สยามอโรนี (เอส เอ) จำกัด เพื่อแปรรูปส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ทั้งในรูปของข้าวสารและแป้ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันสหกรณ์ฯ สามารถรวบรวมข้าวเปลือกญี่ปุ่นจากสมาชิกและจำหน่ายให้กับบริษัทดังกล่าวมูลค่า 12,921,477 บาท สหกรณ์ฯ จะมีรายได้จากค่าบริการจากการขายข้าวเปลือกตันละ 500 บาท และทางบริษัทฯ จะกำหนดราคารับซื้อข้าวญี่ปุ่นที่สูงกว่าข้าวไทยในระดับความชื้น 25% รับซื้อราคา 6,000 บาท และไม่เกิน 16% รับซื้อราคา 8,000 บาท ซึ่งกรมฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุโขทัยเข้าไปดูแลสหกรณ์ฯ ในเรื่องการเจรจาธุรกิจซื้อขายข้าวญี่ปุ่นระหว่างสหกรณ์ฯ กับบริษัทที่รับซื้อ และการวางแผนระบบการบริหารจัดการภายในสหกรณ์ฯ รวมถึงการสนับสนุนเรื่องเงินทุนในการรวบรวมผลผลิตและการจัดหาปัจจัยการผลิตเพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ฯ
นายบุญมี กล่าวอีกว่า ทางสหกรณ์ฯ ร่วมกับบริษัท สยามอโรนีฯ เข้าไปให้คำแนะนำแก่สมาชิกถึงวิธีการปลูกข้าวญี่ปุ่นที่ถูกต้องและวิธีการเพิ่มผลผลิต และมีเกษตรกรให้ความสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกจำนวนมาก แต่จำเป็นต้องดูสภาพพื้นที่ที่จะเพาะปลูกว่ามีความเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าวญี่ปุ่นหรือไม่ เนื่องจากการปลูกข้าวญี่ปุ่นจำเป็นต้องมีระดับน้ำในพื้นที่ประมาณ 10 เซนติเมตร ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว และเป็นที่ราบ ไม่ใช่ที่ดอน ดังนั้น ผู้ที่จะปลูกข้าวญี่ปุ่นจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาที่ดินเข้าไปตรวจสอบสภาพพื้นที่เพื่อดูความเหมาะสมก่อน จึงจะสามารถดำเนินการปลูกได้