รมว.พลังงานประกาศไม่แทรกแซงการชดเชยเงินแก่โรงกลั่น โดยจะปล่อยให้เป็นไปตามระบบเดิมทุกอย่าง
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจนในวันนี้ว่า การชดเชยแก่โรงกลั่นน้ำมันด้วยเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังเป็นเหมือนเดิมทุกประการ และรัฐบาลยืนยันว่า ยังคงนโยบายการค้าเสรี โดยจะไม่เข้าไปแทรกแซงราคา ส่วนมาตรการตรึงราคาน้ำมันจะดำเนินการเพียงชั่วคราวเท่าที่จำเป็น ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)จะเป็นผู้ดำเนินการติดตามข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้บริโภคและผู้ประกอบการค้าน้ำมัน
ทั้งนี้ เม็ดเงินของกองทุนน้ำมันที่เข้ามาตรึงราคาล่าสุดปรับเพิ่มเป็น 19,000 ล้านบาทแล้ว โดยตรึงดีเซลที่ประมาณ 3.47 บาทต่อลิตร เบนซินประมาณ 1.20 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐมนตรีพลังงาน กล่าวว่า กำลังหาแนวทางในการแก้ปัญหาอยู่ แต่ไม่ยอมตอบคำถามถึงกรณีที่โรงกลั่นฯ คิดค่าการกลั่นที่คำนวณจากค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากประเทศสิงคโปร์มายังไทย
รวมอยู่ในการคิดค่าชดเชย ในอัตรา 30 สตางค์ต่อลิตรเป็นธรรมต่อประชาชนหรือไม่
นพ.พรหมินทร์ ยังกล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมการลดการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36 ของการใช้พลังงานของประเทศด้วยว่า จากการหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อลดภาษีเงินได้ในส่วนของโรงงานที่เข้าโครงการประหยัดพลังงานที่กระทรวงพลังงานเสนอว่า ควรจะลดภาษีเงินได้เป็นเวลา 3 ปีนั้นทางกระทรวงการคลังยังเป็นห่วงถึงเรื่องการเลี่ยงภาษีของผู้ประกอบการ ดังนั้น จึงจะใช้แนวทางทดลองไปก่อนเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะมีการใช้กองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาจ่ายแก่โรงงานที่เข้าร่วมโครงการเหมือนกับการหักลดภาษี หลังจากนั้นหากพบว่าสามารถดำเนินการป้องกันการเลี่ยงภาษีได้ ก็จะประกาศใช้ร่วมกันอย่างถาวรต่อไป
นอกจากนี้ รัฐมนตรีพลังงานยังนำรถประหยัดพลังงาน มาโชว์แก่ผู้สื่อข่าว คือรถไฮบริด หรือรถลูกผสมที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและไฟฟ้า และรถตุ๊กตุ๊กที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี โดยระบุด้วยว่าพร้อมจะเข้ามาช่วยส่งเสริมการใช้ด้วยการแก้ไขอุปสรรคต่างๆ เช่นการเจรจาลดภาษีรถไฮบริด ที่ปัจจุบันมีอัตราสูงประมาณร้อยละ 200-300 การเจรจาให้รถตุ๊กตุ๊กซีเอ็นจีสามารถจดทะเบียนเพื่อใช้แทนรถจักรยานยนต์รับจ้าง
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจนในวันนี้ว่า การชดเชยแก่โรงกลั่นน้ำมันด้วยเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังเป็นเหมือนเดิมทุกประการ และรัฐบาลยืนยันว่า ยังคงนโยบายการค้าเสรี โดยจะไม่เข้าไปแทรกแซงราคา ส่วนมาตรการตรึงราคาน้ำมันจะดำเนินการเพียงชั่วคราวเท่าที่จำเป็น ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)จะเป็นผู้ดำเนินการติดตามข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้บริโภคและผู้ประกอบการค้าน้ำมัน
ทั้งนี้ เม็ดเงินของกองทุนน้ำมันที่เข้ามาตรึงราคาล่าสุดปรับเพิ่มเป็น 19,000 ล้านบาทแล้ว โดยตรึงดีเซลที่ประมาณ 3.47 บาทต่อลิตร เบนซินประมาณ 1.20 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐมนตรีพลังงาน กล่าวว่า กำลังหาแนวทางในการแก้ปัญหาอยู่ แต่ไม่ยอมตอบคำถามถึงกรณีที่โรงกลั่นฯ คิดค่าการกลั่นที่คำนวณจากค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากประเทศสิงคโปร์มายังไทย
รวมอยู่ในการคิดค่าชดเชย ในอัตรา 30 สตางค์ต่อลิตรเป็นธรรมต่อประชาชนหรือไม่
นพ.พรหมินทร์ ยังกล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมการลดการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36 ของการใช้พลังงานของประเทศด้วยว่า จากการหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อลดภาษีเงินได้ในส่วนของโรงงานที่เข้าโครงการประหยัดพลังงานที่กระทรวงพลังงานเสนอว่า ควรจะลดภาษีเงินได้เป็นเวลา 3 ปีนั้นทางกระทรวงการคลังยังเป็นห่วงถึงเรื่องการเลี่ยงภาษีของผู้ประกอบการ ดังนั้น จึงจะใช้แนวทางทดลองไปก่อนเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะมีการใช้กองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาจ่ายแก่โรงงานที่เข้าร่วมโครงการเหมือนกับการหักลดภาษี หลังจากนั้นหากพบว่าสามารถดำเนินการป้องกันการเลี่ยงภาษีได้ ก็จะประกาศใช้ร่วมกันอย่างถาวรต่อไป
นอกจากนี้ รัฐมนตรีพลังงานยังนำรถประหยัดพลังงาน มาโชว์แก่ผู้สื่อข่าว คือรถไฮบริด หรือรถลูกผสมที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและไฟฟ้า และรถตุ๊กตุ๊กที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี โดยระบุด้วยว่าพร้อมจะเข้ามาช่วยส่งเสริมการใช้ด้วยการแก้ไขอุปสรรคต่างๆ เช่นการเจรจาลดภาษีรถไฮบริด ที่ปัจจุบันมีอัตราสูงประมาณร้อยละ 200-300 การเจรจาให้รถตุ๊กตุ๊กซีเอ็นจีสามารถจดทะเบียนเพื่อใช้แทนรถจักรยานยนต์รับจ้าง