ความต้องการที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้เป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศอย่างถาวร พร้อมการผลักดันความเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเอเซียแปซิฟิก เริ่มเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้มาจากปัจจัยหลายอย่างที่เกื้อหนุน เช่น การเตรียมเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในปี 2549 รวมถึงระบบโครงข่ายคมนาคมภายในประเทศ โดยเฉพาะความสะดวกของการเดินทางในกรุงเทพมหานครจาการเปิดใช้ รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งถือเป็นจุดขายในเรื่องของความสะดวกของการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ล่าสุดการจัดทำแผนการตลาดระยะกลาง 3 ปี (พ.ศ.2549-2551) ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยว่าถึงทิศทางและเป้าหมายที่ ททท.จะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และการจับจ่ายในปี 2551 ให้มีจำนวนนักท่องเที่ยว 20 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 7 แสนล้านบาท
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หัวใจหลักของการดำเนินงานในแผนฉบับนี้ คือเรื่องของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และรายได้ที่จะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้การดำเนินงานจะต้องเป็นการร่วมมือกัน ทั้งภาคราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน โดยมีการท่องเที่ยวเป็นแกนนำและเป็นผู้วางแผนการตลาด และจากการสำรวจในส่วนของโรมแรมที่พัก ในปี 2546 มีการใช้ห้องพักทั้งปีประมาณ 46 ล้านห้อง และในปี 2551 คาดว่าจะมีการใช้ห้องพักทั้งปีราว 62 ล้านห้อง ซึ่งจำนวนที่พักที่มีอยู่ในปัจจุบันทั่วประเทศยังเพียงพอไปถึงปี 2551
แต่สิ่งที่ททท.จะให้ความสำคัญเพิ่มเติมจากนี้ไป คือการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาใช้เป็นระบบเครือข่าย พร้อมผนึกพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจด้านการท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
นอกจากนั้นยังมีแผนแก้ปัญหาอย่างถาวรในเรื่องของช่วงโลว์ซีซั่น ด้วยการเพิ่มตลาดเป้าหมาย เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง นอกจากนั้นยังต้องเพิ่มสินค้าที่หลากหลายเพื่อดึงดูด เช่น การจัดกิจกรรมระดับชาติที่น่าสนใจอย่างงาน เทศกาลภาพยนตร์ หรือบางกอกเมืองแฟชั่น ซึ่งภาครัฐและเอกชนควรที่จะมีแนวคิดร่วมกันในเรื่องของการสร้างสินค้า หรือแฟชั่น ให้มีแบรนด์ที่ขึ้นสู่ระดับโลกได้ เป็นการดึงดูดนักชอปปิ้ง รวมถึงการเร่งผลักดันให้ไทยเป็นดีไซน์เซ็นเตอร์ในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบการท่องเที่ยว คือสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ การปรับขึ้นราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ การก่อการร้ายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการระบาดของไข้หวัดนก ซึ่งทั้งหมดมีทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่หากททท.มีการทำตลาดที่ดี สามารถจับกลุ่มตลาดไฮเอนด์ได้สำเร็จ ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้
ทางด้านนายพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้กล่าวในงาน Dinner Talk เรื่อง "การท่องเที่ยวไทย : สู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาค" ว่า นอกจากแผนการบุกตลาดในต่างประเทศที่ททท.ได้ทำร่วมกับสำนักงานททท.ในต่างประเทศ และพันธมิตรต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการไปพร้อมๆกับการเตรียมประเทศให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย ซึ่งททท.ฝ่ายเดียวไม่สามารถทำสำเร็จได้หากขาดความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆของรัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด อบต. อบจ.
"ปัญหาอย่างหนึ่งที่สำคัญของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปเที่ยวในจังหวัดต่างๆ คือเรื่องของสุขาบริการ ที่ยังไม่มีความสะอาดเพียงพอ ดังนั้น ในจังหวัด หรือหมู่บ้านใด ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควรมีสุขาบริการที่สะอาดและสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว แล้วเก็บอัตราค่าบริการแพงขึ้นมาอีกนิดหน่อย เชื่อว่านักท่องเที่ยวก็ยินดีจ่าย ในส่วนนี้ให้ผู้เกี่ยวข้องไปพิจารณาดูบ้าง เพราะรัฐบาลก็เตรียมจัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้าน ในอีกไม่นานนี้"
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบประเทศ เช่น การก่อวินาศกรรม การระบาดของซาร์ส และไข้หวัดนก แต่การท่องเที่ยวของประเทศไทยก็ยังมีการเติบโตในสัดส่วนที่ใช้ได้ จึงถือว่าการดำเนินงานของ ททท.ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ล่าสุดการจัดทำแผนการตลาดระยะกลาง 3 ปี (พ.ศ.2549-2551) ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยว่าถึงทิศทางและเป้าหมายที่ ททท.จะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และการจับจ่ายในปี 2551 ให้มีจำนวนนักท่องเที่ยว 20 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 7 แสนล้านบาท
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หัวใจหลักของการดำเนินงานในแผนฉบับนี้ คือเรื่องของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และรายได้ที่จะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้การดำเนินงานจะต้องเป็นการร่วมมือกัน ทั้งภาคราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน โดยมีการท่องเที่ยวเป็นแกนนำและเป็นผู้วางแผนการตลาด และจากการสำรวจในส่วนของโรมแรมที่พัก ในปี 2546 มีการใช้ห้องพักทั้งปีประมาณ 46 ล้านห้อง และในปี 2551 คาดว่าจะมีการใช้ห้องพักทั้งปีราว 62 ล้านห้อง ซึ่งจำนวนที่พักที่มีอยู่ในปัจจุบันทั่วประเทศยังเพียงพอไปถึงปี 2551
แต่สิ่งที่ททท.จะให้ความสำคัญเพิ่มเติมจากนี้ไป คือการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาใช้เป็นระบบเครือข่าย พร้อมผนึกพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจด้านการท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
นอกจากนั้นยังมีแผนแก้ปัญหาอย่างถาวรในเรื่องของช่วงโลว์ซีซั่น ด้วยการเพิ่มตลาดเป้าหมาย เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง นอกจากนั้นยังต้องเพิ่มสินค้าที่หลากหลายเพื่อดึงดูด เช่น การจัดกิจกรรมระดับชาติที่น่าสนใจอย่างงาน เทศกาลภาพยนตร์ หรือบางกอกเมืองแฟชั่น ซึ่งภาครัฐและเอกชนควรที่จะมีแนวคิดร่วมกันในเรื่องของการสร้างสินค้า หรือแฟชั่น ให้มีแบรนด์ที่ขึ้นสู่ระดับโลกได้ เป็นการดึงดูดนักชอปปิ้ง รวมถึงการเร่งผลักดันให้ไทยเป็นดีไซน์เซ็นเตอร์ในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบการท่องเที่ยว คือสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ การปรับขึ้นราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ การก่อการร้ายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการระบาดของไข้หวัดนก ซึ่งทั้งหมดมีทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่หากททท.มีการทำตลาดที่ดี สามารถจับกลุ่มตลาดไฮเอนด์ได้สำเร็จ ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้
ทางด้านนายพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้กล่าวในงาน Dinner Talk เรื่อง "การท่องเที่ยวไทย : สู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาค" ว่า นอกจากแผนการบุกตลาดในต่างประเทศที่ททท.ได้ทำร่วมกับสำนักงานททท.ในต่างประเทศ และพันธมิตรต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการไปพร้อมๆกับการเตรียมประเทศให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย ซึ่งททท.ฝ่ายเดียวไม่สามารถทำสำเร็จได้หากขาดความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆของรัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด อบต. อบจ.
"ปัญหาอย่างหนึ่งที่สำคัญของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปเที่ยวในจังหวัดต่างๆ คือเรื่องของสุขาบริการ ที่ยังไม่มีความสะอาดเพียงพอ ดังนั้น ในจังหวัด หรือหมู่บ้านใด ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควรมีสุขาบริการที่สะอาดและสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว แล้วเก็บอัตราค่าบริการแพงขึ้นมาอีกนิดหน่อย เชื่อว่านักท่องเที่ยวก็ยินดีจ่าย ในส่วนนี้ให้ผู้เกี่ยวข้องไปพิจารณาดูบ้าง เพราะรัฐบาลก็เตรียมจัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้าน ในอีกไม่นานนี้"
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบประเทศ เช่น การก่อวินาศกรรม การระบาดของซาร์ส และไข้หวัดนก แต่การท่องเที่ยวของประเทศไทยก็ยังมีการเติบโตในสัดส่วนที่ใช้ได้ จึงถือว่าการดำเนินงานของ ททท.ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ